ฝ่ายค้านหัวชนฝาซักฟอก 5 วัน “สุทิน” เมินเกมหักคองัดข้อบังคับ การประชุมสภาฯ ต้องอภิปรายให้ครบ 11 รมต. ไม่เช่นนั้นปิดอภิปรายไม่ได้ “ยุทธพงศ์” ลากมิก 29 เมียนมา รุกล้ำน่านฟ้าไทยขึ้นเขียงแฉ “บิ๊กแอร์บูล” รื้อแผนจัดหาระบบป้องกันทางอากาศจนไม่ได้ติดตั้งระบบจีบีดีเอสกัดเครื่องบินรบ เชิญ ผบ.ทอ.แจง กมธ.งบฯ 18 ก.ค. เฉ่งทำเสียเกียรติภูมิประเทศ “ชัยวุฒิ” ไม่หวั่นแค่อย่าใส่ร้ายป้ายสี ไม่รู้ “ธรรมนัส” ขู่ใครรั้งบ๊วย สูตรคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อส่อพลิก “อัครเดช” อ้างถก ส.ส.ปชป.เสียงส่วนใหญ่อยากเปลี่ยนไปใช้ 500 หาร อวยเป็นไปตามเจตนารมณ์ รธน.ปี 60 และเป็นประชาธิปไตยมากกว่า จ่อชงที่ประชุมพรรคกลับมติใหม่

ฝ่ายค้านยืนยันต้องได้เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 5 วัน ไม่รวมวันลงมติ โดยนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านระบุ ต้องยึดข้อบังคับการประชุมสภาฯกำหนดให้ต้องอภิปรายให้ครบทั้ง 11 คน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถปิดการอภิปรายได้

ฝ่ายค้านหัวชนฝาซักฟอก 5 วัน

...

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีวิปรัฐบาล ยืนยันให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 4 วัน ไม่รวมวันลงมติว่า ฝ่ายค้านยืนยันต้องได้วันอภิปราย 5 วัน ไม่รวมวันลงมติอีก 1 วัน รวม 6 วัน หากพร้อมให้อภิปรายวันที่ 19 ก.ค.จะอภิปรายถึงวันที่ 23 ก.ค.และลงมติวันที่ 24 ก.ค. ต้องไปตกลงในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายวันที่ 6 ก.ค.ตกลงกรอบเวลาอภิปรายให้ชัดเจน ฝ่ายค้านยืนยันต้องได้ 5 วัน ไม่รวมวันลงมติ หากรัฐบาลจะหักคอให้แค่ 4 วันไม่เป็นไร ฝ่ายค้านไม่ตกลงด้วยอยู่แล้ว ถ้าถึงวันอภิปรายหากครบ 4 วันเมื่อใดแล้วฝ่ายค้านยังอภิปรายรัฐมนตรีไม่ครบ 11 คนจะปิดอภิปรายไม่ได้ ผิดข้อบังคับการประชุมสภาฯ ระบุให้การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีต้องอภิปรายให้ครบทุกคน จึงจะปิดอภิปรายได้ ถ้า 4 วันยังไม่ครบ วันรุ่งขึ้นลงมติไม่ได้ ต้องอภิปรายต่ออีก 1 วันให้ครบก่อน

งัดข้อบังคับต้องอภิปรายครบ 11 คน

นายสุทินกล่าวอีกว่า ไม่ต้องห่วงฝ่ายค้านจะอภิปรายวกวนซ้ำซาก ถ้าทำเช่นนั้นประธานที่ประชุมไม่ให้ทำอยู่แล้ว ฝ่ายค้านจะเสียเอง ฝ่ายรัฐบาลอย่ากังวลมากไปโดยไม่มีเหตุผล จะกลัวอะไรนักหนา ถ้าเพิ่มอีกแค่ 1 วัน หรือกลัวข้อมูลฝ่ายค้านพูดไปแล้วได้สาระดีรัฐบาลจะตอบไม่ได้ ฝ่ายค้านจะปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม คืออภิปรายครบ 11 คนจึงปิดอภิปรายได้อาจใช้ไม่ถึง 4 วันหรือ 5 วัน ขึ้นอยู่กับอภิปรายครบเมื่อไร แต่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม ข้อตกลงต่างๆเราไปกำหนดกันเอง เพื่อให้การอภิปรายราบรื่น แต่ต้องยึดข้อบังคับเป็นหลัก หากครบ 4 วันแล้วยังอภิปรายรัฐมนตรีไม่ครบ 11 คน แต่รัฐบาลจะชิงปิดอภิปราย ฝ่ายค้านไม่ยอมแน่

“โจ้” แฉ “แอร์บูล” รื้อแผนป้องน่านฟ้า

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงเหตุการณ์เครื่องบินรบเมียนมารุกล้ำน่านฟ้าไทยที่ อ.พบพระ จ.ตาก 15 นาที เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.65 ว่า เครื่องบินรบมิก 29 เมียนมา บินเข้ามาในเขตประเทศไทย 15 นาที แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บอกแค่มาตีวงเลี้ยวในน่านฟ้าไทยไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขณะ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. บอกเมียนมาคือเพื่อนบ้าน ทั้งที่ความจริงคือเรื่องใหญ่ รุกล้ำอธิปไตยไทยเรามีเครื่องบินเอฟ 16 มีประสิทธิภาพเหนือกว่ามิก 29เหตุใดไม่บินไปสกัดกั้น ในฐานะกมธ.งบประมาณรายจ่ายปี 2566 ทราบว่าปี 63 พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ผบ.ทอ. ขณะนั้นของบฯรายจ่ายปี 2564 จำนวน 940 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการจัดหาระบบการป้องกันทางอากาศพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ (จีบีเอดี) นำไปติดตั้งชายแดนไทย-พม่า สภาฯอนุมัติงบฯ ให้แล้ว แต่ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ.คนที่แล้วมารื้อโครงการจีบีเอดี ตัดแนวทางพัฒนาที่ พล.อ.อ.มานัตทำไว้ แก้ไขทีโออาร์จากวิธีคัดเลือก เชิญบริษัทเชี่ยวชาญ มาเป็นวิธีเฉพาะเจาะจงเลือกบริษัทจากประเทศอิสราเอล สุดท้ายดำเนินการไม่สำเร็จทำผิดทีโออาร์ ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์จากที่ของบฯไว้ จึงไม่มีการติดตั้ง

กมธ.จ่อซักแหลกทำเสียเกียรติภูมิ

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า แทนที่ไทยจะมีระบบจีบีดีเอป้องกันประเทศไว้คอยป้องกันเครื่องบินรบที่เข้ามาระบบดังกล่าวจะส่งจรวดขึ้นไปสกัดกั้นทันที แต่โครงการถูกพับไว้แสดงให้เห็นกองทัพอากาศใช้เงินไม่เป็นไม่มีประสิทธิภาพได้เงินไปแล้วจัดซื้อไม่ได้ จนงบฯตกไป ถ้ามีระบบดังกล่าว มิก 29 ของเมียนมาลำนั้นคงร่วงไปแล้ว ดังนั้นงบฯปี 66 ของทอ.ที่ขอมา 36,113 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะไปจัดซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ 35 เอ ลำละ 2,700 ล้านบาท 2 ลำจากทั้งหมด 8 ลำ ต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดในงบกระทรวงกลาโหมที่จะเข้า กมธ.งบฯปี 66 วันที่ 18 ก.ค.จะซักถาม ผบ.ทอ.ประเด็นที่ประเทศไทยเสียเกียรติภูมิถูกเครื่องบินเมียนมารุกล้ำอธิปไตย 15 นาที

โว “บิ๊กตู่” ร้องจ๊ากข้อมูลซักฟอก

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เตรียมตัวให้ดีทั้งเรื่องบริหารโควิดล้มเหลวสิ้นเชิง เรื่องปล่อยให้เครื่องบินรบเมียนมารุกล้ำอธิปไตยไทย นี่แค่ฉายหนังตัวอย่าง ถ้าเจอของจริงในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่าร้องจ๊าก ทำไมหนักนัก เที่ยวนี้พรรคเพื่อไทยมีข้อมูลพร้อมทั้งความล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน การทุจริต การปล่อยให้รัฐมนตรีใน ครม.ทุจริตเต็มไปหมด

“ชัยวุฒิ” ไม่หวั่นซักฟอกแค่อย่าใส่ร้าย

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกคนมั่นใจชี้แจงได้ เพราะรู้ว่าทำอะไรกันอยู่ เราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย จะเซ็นเอกสารหรือขับเคลื่อนเรื่องต่างๆมีการตรวจสอบอยู่แล้ว มีข้าราชการประจำดูทุกอย่าง เพื่อให้ถูกต้องถึงจะทำกัน ฉะนั้นเรื่องทุจริตผิดกฎหมายยืนยันว่าไม่มีอยู่แล้ว ส่วนการแก้ปัญหาประชาชนเราต้องชี้แจงทำความเข้าใจ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงแพงทางรัฐบาลพยายามพยุงราคา จ่ายเงินชดเชยผ่านกองทุนน้ำมัน เพื่อไม่ให้ราคาสูงเกินไป น้ำมันที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นราคาตลาดโลก ถ้ากลไกตลาดโลกราคาสูงขึ้น เราต้องยอมรับเพราะเป็นกันทั่วโลกเป็นปัจจัยภายนอกที่ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ไม่มีประเด็นใดที่ไม่สบายใจ กังวลอย่างเดียวคือบรรยากาศขอให้ราบรื่นเรียบร้อย ขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายสร้างสรรค์ มีข้อเท็จจริงพูดไป อย่าไปพูดทำนองใส่ร้ายหรือเสียดสีจนเกิดการประท้วง

ไม่รู้ “ธรรมนัส” ขู่ใคร รมต.กินบ๊วย

เมื่อถามว่ายังมั่นใจฝ่ายรัฐบาลในเรื่องของพรรคเล็กหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามวิปรัฐบาลอีกทีหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ระบุในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น อาจมีรัฐมนตรีบางคนได้คะแนนบ๊วย โดยเฉพาะรัฐมนตรีปากดี นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนก็ไม่รู้ว่าเขากล่าวถึงใคร ขอไม่พูดถึงดีกว่า

“นิโรธ” ประชดส่งเอาที่สบายใจ

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึง ฝ่ายค้านยืนยันต้องได้ 5 วัน อภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่รวมวันลงมติ อ้างหากอภิปรายรัฐมนตรีไม่ครบ ถือผิดข้อบังคับการประชุมสภาฯ ว่า รัฐบาลไม่ได้มี ปัญหาอะไร แล้วแต่นายสุทิน คลังแสง จะว่าไป เอาที่ สบายใจ อยู่ที่ประธานสภาฯควบคุมการประชุม อยากให้ 3 วันด้วยซ้ำ แต่รัฐบาลเห็นว่า 4 เหมาะสมลงมติวันที่ 5 เมื่อถามว่ากังวลที่ฝ่ายค้านระบุมีทีเด็ด เช็กบิลรัฐมนตรีวางกลยุทธ์ 3 ดาบ ฟันรัฐมนตรีดิ้นไม่หลุด ต้องเตรียมรับมืออย่างไร นายนิโรธกล่าวว่า เราวางแผนเตรียมความพร้อมแน่นหมดแล้ว ดาบอะไร ไม่รู้ ดาบพู่ดาบแซ่ ไม่ได้ว่าอะไร พวกชอบชักดาบ ก็ชักดาบไป เมื่อถามว่าต้องพูดคุยกับกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะหัวหน้าพรรค เศรษฐกิจไทยและพรรคเล็กหรือไม่ เพราะยังคงเป็นสวิงโหวต นายนิโรธตอบว่า ไม่มีความเห็น

“ราเมศ” ยันไม่มีใครกลัวตรวจสอบ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐมนตรีของพรรคที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่กังวลการชี้แจงแต่กรอบเวลาอภิปรายสำคัญ หากฝ่ายค้านต้องการเวลาเพิ่มฝ่ายรัฐบาลต้องได้รับการจัดสรรเวลาเท่าเทียมกันในการชี้แจงไม่เช่นนั้นฝ่ายค้านอภิปรายได้ แต่รัฐบาลได้เวลาน้อยกว่าจะไม่เป็นธรรมต่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย กรณีนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุรัฐบาลขี้เหนียวเวลา ด้อยค่าการตรวจสอบหวาดกลัวการชี้แจง เชื่อว่านายกฯและรัฐมนตรีทุกคนพร้อมชี้แจง ไม่มีใครคิดด้อยค่าการตรวจสอบ หรือด้อยค่าองค์กรตนเอง รัฐบาลอยู่มา 3 ปีกว่าแล้วคงไม่มีรัฐมนตรีคนไหนกลัวการตรวจสอบ เรื่องเวลาที่เห็นไม่ตรงกัน หากจะเอาเวลาตามอำเภอใจฝ่ายค้านแต่ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจำเป็นต้องใช้เวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างเท่าเทียมกันยกข้อบังคับมาบางส่วนว่าต้องอภิปรายรัฐมนตรีให้ครบตามญัตติเป็นเรื่องถูกต้อง แต่รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายต้องมีเวลาชี้แจงให้ครบทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหาเช่นกัน

ปชป.อ้าง ส.ส.อยากเปลี่ยนหาร 500

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และว่าด้วยพรรค การเมือง กล่าวว่า ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้มีการสงวนความเห็นในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ให้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้วิธีหารด้วย 500 ขณะนี้จากการที่ได้มีการพูดคุยและอธิบายเหตุผลกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏว่ามี ส.ส.ของพรรคบางส่วน ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์พิจารณาให้ลงมติให้ใช้วิธีหารด้วย 500 ในฐานะเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และกรรมาธิการฯ จะเสนอในที่ประชุมพรรคให้พิจารณาลงมติให้ใช้วิธีหาร500

“อัครเดช” จ่อชงพรรคกลับมติใหม่

นายอัครเดชกล่าวต่อว่า เหตุผลที่ต้องการให้ใช้วิธีหารด้วย 500 เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ต้องการให้มี ส.ส.พึงมี และในรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และมาตรา 94 ยังคงมี ส.ส.พึงมีอยู่ ดังนั้นการที่จะแก้ไขกฎหมาย แล้วจะมาล้มล้างเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง รวมทั้งการใช้วิธีหารด้วย 500 ถือว่าสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่จะได้กำหนดให้แต่ละพรรคมี ส.ส.เท่าไหร่ในสภาฯ จะสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าระบบคู่ขนานที่จะนำมาคำนวณแยกกัน ทั้งนี้ จากที่ได้คุยกับ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์หลายคนมีความเห็นเป็นไปในทางเดียวกัน และน่าจะเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้พรรคพิจารณาหารด้วย 500 และเรื่องนี้คงจะต้องไปหารือและชี้แจงพรรค เพื่อลงมติว่าจะเอาแบบไหน

“กรณ์” จับตาถก สมช.แก้น้ำมันแพง

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าและอดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันที่ 4 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะนัดประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พิจารณาวิธีแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงจึงอยากให้ได้เห็นข้อมูลที่เข้าใจง่ายมากขึ้น ขอยกสมัยที่ตนอยู่ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ราคาน้ำมันดิบอยู่ระดับเดียวกันกับวันนี้ที่ราคา 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ราคาดีเซลหน้าปั๊มถูกกว่ากันถึง 5 บาทต่อลิตร หากดูราคาค่าการกลั่น สาเหตุที่แท้จริงว่าเพราะเหตุใดราคาน้ำมันจึงแพงและในปี 54 ทำให้ราคาน้ำมันตํ่ากว่าปัจจุบันถึง 5 บาท นี่คือสาเหตุที่ย้ำเรื่องนี้มาตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา วันนั้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเราเก็บภาษีน้อยกว่าปัจจุบัน ไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันชดเชยมากเท่าวันนี้ด้วย ที่อ้างว่า “ค่าการกลั่นสูง” เพราะราคาน้ำมันดิบสูงไม่จริง ขอเสริมว่าด้วย “ค่าการกลั่น” ที่ราคาแค่บาทกว่าๆในปีนั้น โรงกลั่นกำไรดีทุกโรง หลังประชุม สมช.เสร็จ ตั้งใจว่าจะไลฟ์ตอบคำถามประชาชนที่ประสบปัญหาของแพงจากราคาน้ำมันแพง และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำได้เลยทันที

“สนธิรัตน์” อึ้ง 500 จ่ายตลาดไม่พอ

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ตลาดบางเขน กทม.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรค นายนริศ เชยกลิ่น โฆษกพรรค นายพงศ์พรหม ยามะรัต และ น.ส.โชนรังสี เฉลิมชัยกิจ รองโฆษก พรรค ลงพื้นที่ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ สำรวจราคาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค พูดคุยรับฟังปัญหา ให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้าและประชาชาชนที่ประสบปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น โดยนายสนธิรัตน์กล่าวว่า นำเงินมา 500 บาท ตั้งใจจะมาซื้อของ ในอดีตเคยซื้อได้ ตอนนี้ไม่พอ ของขึ้นเกือบทุกรายการ อยากสะท้อนให้รัฐบาลไปดำเนินการแก้ไข มารับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและผู้ซื้อที่ลำบากจากของแพงขึ้น เป็นเรื่องใหญ่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข ต้องโฟกัสกำกับและควบคุมตั้งแต่ต้นทาง ของแพงมาจากหลายมิติ อย่างค่าขนส่งที่กระทบจากค่าพลังงานที่รัฐบาลต้องเจอปัญหาไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

แนะแก้ที่ต้นน้ำอย่าดูแค่ปลายทาง

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า มิติต้นทางการผลิตอาหาร อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี ลองไปดูว่าช่วยเหลือให้ปุ๋ยราคาถูกกับเกษตรกร คล้ายประกันรายได้ได้หรือไม่ จัดสรรปุ๋ยราคาถูกต่อเกษตรกรหนึ่งครัวเรือนต่อจำนวนไร่ แก้ปัญหาที่ต้นน้ำไม่ใช่ดูแค่ปลายทาง มิติสุดท้ายบริหารจัดการ ต้นทุนสินค้าไปสู่มือประชาชน ผู้ค้าปลีกค้าส่งลำบาก รัฐบาลต้องเข้าไปร่วมมือแก้ปัญหา สนับสนุนกลุ่มผู้ค้าที่ดีให้อยู่ได้ ไม่ส่งต่อราคาต้นทุนไปสู่ผู้ประกอบการ มาตรการทางการเงิน มาตรการทางการคลัง อะไร ช่วยเขาได้ประคับประคองให้ผ่านวิกฤติละลอกหลังจากโควิดแล้วมาสู่สงคราม สร้างสิ่งจูงใจ หัวใจสำคัญต้องใช้เงินแต่ละเม็ดระงับความเดือดร้อน แล้วสร้างให้ธุรกิจยังหมุนอยู่ได้ เป็นเรื่องใหญ่มากที่พรรคสร้างอนาคตไทยได้ศึกษา เตรียมการไว้ อะไรดีอยากให้นำไปใช้

เปิด “สมคิด” ขอดูทิศทางลมการเมือง

นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคว่า จะดูจังหวะเวลาและสถานการณ์การเมืองเป็นองค์ประกอบ ยืนยันว่าพรรคพร้อมทั้งบุคลากร นโยบาย วิธีการทำงานต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นำไปสู่การเลือกตั้ง เมื่อถามว่าปรากฏการณ์ ชัชชาติฟีเวอร์จะทำให้พรรคการเมืองต้องเริ่มขยับตัวลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกมากขึ้นหรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า มองว่าเป็นมิติใหม่ทางการเมือง ให้โอกาสประชาชนตัดสินใจ การลงพื้นที่ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เป็นมิติน่าสนใจ สร้างสรรค์ทางการเมือง แต่คงไม่ถึงกับทำให้พรรคกังวลใจ ทุกพรรคต้องนำเสนอการทำงานในรูปแบบที่ถนัด

สภาฯแจงภาพเก่าน้ำรั่วเพดานรัฐสภา

วันเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีข่าวฝนสาดเข้าอาคารรัฐสภาจนเสียหายว่า เนื่องจากวันที่ 1 ก.ค.มีพายุโซนร้อนชบา ส่งผลให้มีพายุฝนสาดเข้ามาในอาคารบริเวณรอบโถงอาคารกลางชั้น 1 พื้นที่โดยรอบสระมรกต สถานที่จัดงาน “90 ปีรัฐสภา การเดินทางและความหวัง” ระหว่างวันที่ 27 มิ.ย.-8 ก.ค. โดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้จัดบูธนิทรรศการรอบพื้นที่เป็นบูธชั่วคราว สร้างจากไม้อัดชนิดกันน้ำ พ่นสีอะคริลิก เป็นวัสดุที่ถอดเก็บและใช้ได้อีก พื้นที่จัดนิทรรศการเปิดโล่ง ทำให้มีบูธบางส่วนล้มลงและเสียหาย สำหรับพื้นไม้ที่จัดนิทรรศการได้รับการออกแบบให้รองรับน้ำที่สาดเข้ามาโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายได้เร่งเข้าจัดการพื้นที่ ประกอบบูธที่ล้มเสียหายให้กลับมาในสภาพเดิมให้การจัดแสดงนิทรรศการต่อ ส่วนภาพที่มีบางสื่อนำมาเสนอว่ามีน้ำรั่วจากเพดานเป็นภาพเหตุการณ์เดิมที่มีการรั่วของท่อน้ำบริเวณฝั่งสำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภา ปัจจุบันได้แก้ไขความบกพร่องนี้แล้ว ขอยืนยันว่าในการตรวจรับงานโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จะเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ

“วัชระ” ท้ากล้าตรวจรับงานหรือไม่

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้าราชการรายงานข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนไม่ครบถ้วน ยังมีความเสียหายอีก เช่น ภาพประวัติศาสตร์ใส่กระจกไว้ตกแตก 2 บานฝ้าเพดานอะลูมิเนียม 1.5 เมตร×1.5 เมตร น้ำหนัก 10-20 กก. ตกมา 2 แผ่นข้างจุดที่จัดนิทรรศการก่อนหน้านี้สมาคมผู้ตรวจสอบอาคารเคยมาตรวจสอบปรากฏว่ามีความเสี่ยงมากถึง 198 จุด ที่ผ่านมาสำนักงานเลขาธิการสภาฯแถลงข่าวปกปิดข้อเท็จจริง หมกเม็ดคลาดเคลื่อนมาตลอด ขอย้ำพื้นไม้ทั่วอาคารบริเวณที่จัดนิทรรศการเป็นพื้นไม้พะยอมที่ผิดสเปก ไม่ใช่ไม้ตะเคียนทองตามสัญญา เท่ากับว่านิทรรศการ90ปีรัฐสภาจัดบนพื้นไม้ที่มีการทุจริตคอร์รัปชันแล้ว
เกียรติภูมิของสถาบันนิติบัญญัติของชาติจะอยู่ตรงไหน ยังมีภาพต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมมาปลูกในสภาฯ ตัดเหลือแต่ตอไม้หลายสิบตอรอบอาคารรัฐสภาแล้ว จะตรวจรับงาน 100% จากสำนักงานเลขาธิการสภาฯวันที่ 4 ก.ค.นี้ได้อย่างไร

“สมชัย” จ่อเล่นงาน กกต.ผิด ม.157

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ว่า ลงพื้นที่ได้รับทราบจากประชาชนว่ามีผู้สมัครบางรายใช้วิธีให้ อสม.เดินจดชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีค่าตอบแทนทำงานรายชื่อละ 100 บาท และรับปากชาวบ้านจะมีเงินมาให้ก่อนวันเลือกตั้งอีกครอบครัวละ 500 บาท จะให้เฉพาะบุคคลที่ไว้ใจได้เท่านั้น กลัวจะถูกอัดคลิปเหมือนการเลือกตั้งคราวก่อน ยังระดมคนมาฟังการปราศรัยหัวละ 300-350 บาท น่าแปลกยังไม่มีการรายงานข่าวนี้จากจ.ลำปางเลย หากคราวนี้มีหลักฐานชัดเจนมีการซื้อเสียง แต่ กกต.ตรวจไม่พบ จะให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งดำเนินคดีอาญา มาตรา 157 กับ กกต.ด้วยฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ไม่อยากให้สิ้นเปลืองงบฯจัดเลือกตั้งใหม่ซ้ำซาก

ยุยุบผู้ตรวจการ กกต.เปลืองภาษี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้งซ่อมจ.ลำปางครั้งที่ผ่านมาว่า ได้เชิญผู้ตรวจการ กกต.มาขอทราบข้อเท็จจริง หลังมีการร้องเรียนมายังกมธ.ป.ป.ช.ที่ตนเป็นประธานอยู่ ได้ถามผู้ตรวจการว่าไปรับรับรองได้อย่างไรว่าการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องซื้อสิทธิขายเสียงเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ตรวจการตอบว่า “ท่านเห็น แต่ผมไม่เห็น” ถือเป็นคำตอบแย่มาก ไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง ควรยุบผู้ตรวจการ กกต.ไปได้แล้ว อยู่ไปก็เปลืองงบประมาณเปล่าๆ ทำงานไม่คุ้มค่าภาษีประชาชน

คนกรุงเห็นด้วยจัด 7 โซนนิ่งม็อบ

วันเดียวกัน นิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “กทม.ไฟเขียว 7 สถานที่ จัดชุมนุมได้” เมื่อวันที่ 27-29 มิ.ย. จากผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพฯ 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 54.89 เห็นด้วยมาก จัดระเบียบให้การชุมนุมอยู่ในสถานที่เหมาะสม ไม่สร้างความเดือดร้อน ร้อยละ 29.16 ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 9.16 ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 6.71 ไม่ค่อยเห็นด้วย สร้างความวุ่นวาย ทำให้ประชาชนบริเวณใกล้เคียงเดือดร้อน หากชุมนุมไปอยู่บนท้องถนนแทน ร้อยละ 40.08 เห็นว่าผู้ว่าฯ กทม.ควรไม่อำนวยความสะดวกให้และดำเนินการตามกฎหมาย ร้อยละ 36.79 อำนวยความสะดวกเหมือนเดิม ร้อยละ 22.44 ไม่อำนวยความสะดวก เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อ กทม.ในการควบคุมการชุมนุมในกรุงเทพฯให้เป็นไปตามประกาศ กทม.ร้อยละ 36.18 ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 26.26 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 22.60 เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 14.65 ไม่เชื่อมั่นเลย

“จตุพร” ซัดรัฐบาลสมคบคิดนายทุน

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ลานคนเมือง เสาชิงช้า คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดกิจกรรมเสวนาสาธารณะ :ประเทศต้องมาก่อน ตอน “ทวงคืนพลังงานให้ประชาชน” มีมวลชนหลายกลุ่มร่วมงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.1 และ สน.สำราญราษฎร์พร้อมเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกันดูแล ติดตั้งเครื่องสแกนตรวจอาวุธทางเข้า แต่มีกลุ่มนาฏศิลป์ปฏิวัติ นำโดย น.ส.กัลป์ยมน สุนันท์รัตน์และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข มายืนชูป้าย “ปล่อยนักโทษการเมือง ยกเลิก 112” ในบริเวณงาน ผู้จัดงานพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าเจรจาขอให้ไปแสดงออกนอกพื้นที่แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่นายจตุพรกล่าวว่าถ้าประชาชนไม่หลอมรวมกันก่อนจะไม่มีวันต่อสู้กับรัฐบาลและนายทุนฉ้อฉลได้ รัฐบาลอยู่ในสภาพแสนสาหัสระยะสุดท้าย แต่ทำเป็นแข็งแรง ไม่เคยแก้ไขอะไรได้เลย อยู่ภายใต้กลุ่มทุนพลังงานมาตลอด

ประกาศฟื้นฟูสามัคคีขจัดภัยกดขี่

ต่อมาเวลา 18.30 น. นายจตุพรขึ้นเวทีประกาศเจตนารมณ์จัดกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูพลังความสามัคคีของประชาชนในชาติ นำไปสู่การร่วมมือขจัดภัยกดขี่ประเทศชาติ และประชาชนจากต่างชาติตลอดทั้งกลุ่มการเมือง กลุ่มทุนทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และกลุ่มอิทธิพลต่างๆที่รวมกันขายชาติจนกว่าจะบรรลุภารกิจ คืนความเป็นเจ้าของให้ประชาชนทุกคนเพื่อใช้สิทธิในการบริหารทรัพยากรของแผ่นดิน และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม คณะหลอมรวมฯจะดำเนินการทุกวิถีทางตามหลักนิติธรรม โดยใช้อำนาจอธิปไตยเพื่อสร้างอิสรภาพความมั่นคง และยังยืนในทุกมิติให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ จากนั้นแกนนำคนอื่นๆสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยอภิปรายทิศทางเดียวกัน เกี่ยวกับวิกฤติราคาพลังงานกับการบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาล