วิกฤติราคาพลังงาน ทำให้รัฐบาลลุงตู่ยักแย่ยักยันหลังพิงเชือกด้วยความอ่อนเปลี้ยละเหี่ยใจ แผนที่วางไว้ว่า หลังวิกฤติโควิดจบปุ๊บ เปิดประเทศปั๊บ เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นขึ้นเห็นทันตา
พอถึงต้นปีหน้า เลือกตั้งใหม่ เศรษฐกิจจะฟื้นเต็มที่ นายกฯลุงตู่จะได้ไปต่ออีก 4 ปี อย่างสบายอุรา!!
แต่ข่าวร้ายคือ...เศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ฟื้นและปีหน้าก็ยังลูกผีลูกคน!!
เพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่อเค้าจะยืดเยื้อไปถึงสิ้นปีนี้และอาจลากยาวไปถึงปีหน้าโน่นเลย
หมายความว่า เศรษฐกิจไทยจะต้องเจอแรงกระแทกจากวิกฤติราคาพลังงานแพงหูฉี่ไปอีก 6 เดือน? หรืออีก 12 เดือน??
หลังประชุม ครม.เมื่อวานซืน “นายกฯลุงตู่” แถลงเปิดใจว่า วิกฤติราคาพลังงานยังไม่สิ้นสุดในเวลาใกล้ๆอย่างที่หลายฝ่ายคาดกัน
รัฐบาลจึงต้องวางแผนรองรับสถานการณ์ (ซึ่งยังไม่แน่นอน)
เพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเต็มเปา
แต่...รัฐบาลคงช่วยเหลือได้ไม่มากนัก เพราะรัฐบาลก็มีงบจำกัดและต้องรักษาวินัยการคลัง
“แม่ลูกจันทร์” ยอมรับว่า วิกฤติราคาพลังงานเดือดร้อนกันทั้งโลก
ไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะประเทศไทย
การที่คนไทยยังมีนํ้ามันใช้ มีก๊าซหุงต้มใช้ไม่ขาดแคลน
ยังดีกว่าอีกหลายประเทศที่เดือดร้อนยิ่งกว่าเรา
บัดนี้...ถึงเวลาแล้วที่พี่น้องชาวไทยต้องพึ่งตัวเอง
เพราะรัฐบาลลุงตู่ก็ตูดขาดจนเห็นกางเกงใน
อะไรที่จะประหยัดได้ต้องประหยัด อะไรที่ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย!!
ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ประหยัดน้ำมัน ประหยัดแก๊สหุงต้มกันสุดลิ่มทิ่มประตู
นี่คือสิ่งที่นายกฯลุงตู่เอ่ยปากขอร้องพี่น้องประชาชนให้ประหยัดการใช้จ่ายภาคครัวเรือน
...
ขอร้องประชาชนให้ประหยัด แล้วรัฐบาลเองประหยัดหรือไม่ ย้อนกลับไปสำรวจตัวเองด้วยนะพ่อคุณ??
“แม่ลูกจันทร์” เรียกร้อง นายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรีเป็นตัวอย่างการประหยัดให้ชาวบ้านเห็นเป็นรูปธรรม
การสั่งนโยบายให้หน่วยราชการลดการใช้พลังงาน 20 เปอร์เซ็นต์
ดีแล้ว...แต่ยังดีไม่พอ!!
ยังต้องมีแอ็กชันอย่างอื่นที่พิสูจน์จิตสำนึกรัฐบาลว่า พร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนในสภาวะข้าวยากหมากแพง
จะทำอย่างไรให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลลุงตู่อนาทรความเดือดร้อนประชาชนอย่างแท้จริง?!
เช่น...หยุดใช้รถใหญ่ซดน้ำมัน เปลี่ยนไปใช้รถเล็กๆประหยัดน้ำมัน
เลิกใช้ลิฟต์ชั่วคราว เปลี่ยนเป็นเดินขึ้นบันได
ไม่ต้องเปิดแอร์ เปิดหน้าต่างทำเนียบแทน
เสียสละเงินเดือนรัฐมนตรีไปบริจาคสมทบกองทุนพลังงาน
เงินบริจาคคงได้ไม่เท่าไหร่ แต่ได้ใจประชาชน.
“แม่ลูกจันทร์”