ครม. เห็นชอบขยายส่วนลด LPG NGV สำหรับกลุ่มเป้าหมายอีก 3 เดือน สั่งนำกำไรจากโรงกลั่นไปบริหารดีเซลให้ไม่เกิน 35 บาท/ลิตร พร้อมออกมาตรการประหยัดพลังงาน หนุนสัมมนาในประเทศ ลดหย่อน ภาษี 2 เท่า

วันที่ 21 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากสถานการณ์ราคาพลังงาน 2 ด้าน คือ มาตรการด้านพลังงาน และมาตรการด้านการคลัง รายละเอียด ดังนี้

1. มาตรการด้านพลังงาน

1.1 ขยายมาตรการที่จะสิ้นสุดเดือน มิถุนายน 2565 ขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่กรกฎาคม-กันยายน 2565 ได้แก่ ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เดือนละ 15 บาท/ถัง ขยายระยะเวลาส่วนลดก๊าซ LPG แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่เกิน 100 บาท/ คน/ 3 เดือน ส่วนลดก๊าซ LPG สำหรับหาบเร่เผงลอย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/เดือน ตรึงราคาก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม สำหรับแท็กซี่ในโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ซื้อในราคา 13.62 บาท /กิโลกรัม และตรึงราคาน้ำมันดีเซล กรณีที่ราคาเกิน 35 บาท/ลิตร โดยรัฐอุดหนุนส่วนเพิ่มในอัตราร้อยละ 50

1.2 มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B 7 น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ร้อยละ 5-10 และ B20 รวมทั้งขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว ไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร

1.3 มาตรการขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและโรงแยกก๊าซธรรมชาตินำส่งกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลและเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันในช่วงวิกฤติน้ำมันแพง โดยเงินในส่วนของน้ำมันดีเซล นำไปบริหารราคาขายปลีกให้ไม่เกิน 35 บาท/ลิตร เงินในส่วนของน้ำมันเบนซิน นำไปลดราคาขายปลีก 1 บาท/ลิตร กระทรวงพลังงานรายงานว่า กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับกลุ่มโรงกลั่นถึงแนวทางในการดำเนินการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือ ปตท. นำส่งกำไรส่วนหนึ่งของโรงแยกก๊าซธรรมชาติเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งคาดว่าจัดเก็บได้ 500-1,000 ล้านบาท/เดือน

...

1.4 มาตรการประหยัดพลังงาน
ภาคประชาชน อาทิ มาตรการ “ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน” ปิดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ ตั้งอุณหภูมิ เรื่องปรับอากาศ 26 องศาเซลเซียส

ภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรม อาทิ การเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศเป็นเวลา ขอความร่วมมือให้ปิดป้ายโฆษณาหลัง 22.00 น. เป็นต้น
ภาคขนส่ง อาทิ การส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะแทนยานพาหนะส่วนบุคคล รณรงค์ขับรถไม่เกิน 90 กม./ชม. ลดการเดินทางโดยการใช้แอปสั่งอาหารหรือรับส่งของ หรือการใช้ การประชุมออนไลน์แทนการเดินทางด้วยตนเอง
หน่วยงานราชการ อาทิ – ลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ 20 และกำหนดให้ลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 เป็นตัวชี้วัดของส่วนราชการ - ผลักดันกลไก ESCO

2. มาตรการด้านการคลัง

2.1 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ระยะเวลา 15 กรกฎาคม–31 ธันวาคม 2565 โดยให้หักรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่งหรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น หรือค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริงสำหรับอบรม สัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง และ 1.5 เท่าสำหรับจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวรอง

2.2 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดนิทรรศการ และงานแสดงสินค้าภายในประเทศ ให้หักรายจ่ายค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริการในการเข้าร่วมงาน ออกร้าน งานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้าในประเทศ เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม. เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน มีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม และ 19 เมษายน 2565 ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2565 อย่างไรก็ดี แนวโน้มราคาน้ำมันและราคาสินค้าในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับราคาสินค้าภายในประเทศมีแนวโน้มที่สูงต่อไป ซึ่งจะส่งผลต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการโดยตรง รัฐบาลจึงได้มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ รวมทั้งมีมาตรการภาษีเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว