วันนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย กระทรวงเกษตรฯ จะเริ่ม แจกฟรีต้นกัญชา 1 ล้านต้นให้กับประชาชน 500,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 2 ต้น เพื่อให้ปลูกในครัวเรือนทั่วประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วน “กัญชาเสรี” ของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ก็ให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดแอปฯ “ปลูกกัญ” ให้ประชาชนจดแจ้งการปลูกกัญชา ข้อมูล ณ เวลา 17.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. มีผู้ลงทะเบียน 768,647 คน อย.ออกใบจดแจ้งกัญชาไปแล้ว 745,349 ใบ ออกใบจดแจ้งกัญชง 23,298 ใบ จากผู้เข้าระบบกว่า 36.59 ล้านคน

ลองคิดกันดูครับ สมมติผู้จดแจ้งปลูกกัญชาคนละ 2 ต้น ก็มีกัญชากว่า 1.5 ล้านต้น เมื่อรวมกับ ต้นกัญชาที่รัฐบาลแจกฟรีในวันนี้อีก 1 ล้านต้น ก็มีกัญชามากกว่า 2.5 ล้านต้น แต่ในความเป็นจริง ประเทศไทยวันนี้น่าจะมีการปลูกกัญชาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านต้นขึ้นไป

คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รัฐมนตรีสาธารณสุข หัวหน้า พรรคภูมิใจไทย ออกมาแถลงว่า นโยบายกัญชาเสรีของกระทรวงสาธารณสุข มุ่งเน้นด้านการแพทย์ สุขภาพและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไม่ได้มุ่งเน้นให้นำกัญชาไปใช้ในเจตนารมณ์อื่น โดยเฉพาะ การเสพ การสูบ ซึ่งเราทราบตั้งแต่โบราณว่า ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตนผลักดันนโยบายนี้มา 3 ปี กัญชาเสรี เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลง สรุปก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ กับ คุณอนุทิน ร่วมมือกัน ทำบาปกัญชาเสรี ในครั้งนี้

คำถามก็คือ คนไทย 66 ล้านคน มีผู้ป่วยกี่คนที่ต้องใช้กัญชารักษา รัฐบาลจึงต้องส่งเสริมให้ปลูกกัญชาทุกครัวเรือนทั่วประเทศ ถึงขนาดแจกต้นกัญชาฟรี 1 ล้านต้นให้กับ 5 แสนครัวเรือน ที่จดแจ้งใหม่อีกกว่า 7.6 แสนครัวเรือน มันเป็นการปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์จริงหรือ หรือ รัฐบาลต้องการมอมเมาประชาชนด้วยกัญชา หรือ เพื่อความร่ำรวยของนักธุรกิจการเมืองและการค้าบางกลุ่ม เพราะ กัญชามีสารเสพติดร้ายแรง เป็นยาเสพติดอยู่ใน “บัญชียาเสพติด” ก่อนที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะยกเลิก แต่ในต่างประเทศยังถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ไทยเป็นชาติแรกในเอเชียที่ยกเลิก ใครพกเข้าไปถูกจับติดคุกหัวโตแน่นอน

...

ในขณะที่ คุณอนุทิน รัฐมนตรีสาธารณสุข พยายามจะบอกสังคมว่า เขาทำกัญชาเสรีเพื่อใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ส่งเสริมการสูบ การเสพกัญชา แต่ในทางปฏิบัติ รัฐบาลกลับส่งเสริมให้ปลูกกันทุกครัวเรือน ทั้งที่รัฐบาลก็รู้ดีว่า กัญชาเป็นยาเสพติด มีโทษร้ายแรงมากกว่าประโยชน์ แพทย์ที่สนับสนุนก็ควรคำนึง จรรยาบรรณทางการแพทย์ ด้วย

วันก่อน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้นำ คณะผู้บริหารกรมการแพทย์ ออกมา “แถลงจุดยืนของกรมการแพทย์ต่อกัญชาเสรี” แต่ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่า กรมการแพทย์สนับสนุนใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนการใช้กัญชากับเด็ก และเปิดเผยว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน มีเพียง 2+1 ตัวเท่านั้น กัญชาจึงไม่ได้มีประโยชน์ทางการแพทย์มากมายอย่างที่รัฐมนตรีกล่าวอ้าง

นพ.สมศักดิ์ ได้ย้ำว่า ต้องงดใช้กัญชากับคนไข้จิตเวช คนท้อง ไม่อยากให้ใช้กับเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ใช้ในการสันทนาการ จริงๆแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกรมการแพทย์ มีการศึกษาแนะนำ ให้ใช้กับกลุ่มที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปด้วยซ้ำ เพื่อความปลอดภัย (แสดงว่า กัญชามีพิษร้ายแรงจริง) นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่เราไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก เพราะกัญชามีผลต่อสมอง มีผลต่อระบบประสาท โดยเฉพาะ ในเด็กวัยเรียนมีผลต่อพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ จึงต้องขอความร่วมมือทาง โรงเรียน ครู อาจารย์ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ทุกภาคส่วน ต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ทำไมรัฐบาลต้องทำให้โรงเรียนพ่อแม่ผู้ปกครองทุกภาคส่วนต้องลำบากเพิ่มขึ้นแบบนี้ เสพกัญชาแล้วไปขับรถยังทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจร ขณะนี้ กรมการแพทย์ได้เตรียมบุคลากรและสถานพยาบาลรองรับภาวะแทรกซ้อนจากกัญชาแล้ว ฟัง น.พ.สมศักดิ์ พูดแล้วยิ่งเห็นชัดเจนถึงพิษภัยของกัญชาเสรี

นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ตระหนักบ้างไหมครับ รัฐบาลท่านกำลังทำบาปใหญ่หลวงต่อประเทศชาติรวมทั้งเด็กและเยาวชนของชาติเพื่อความร่ำรวยของคนกลุ่มเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”