ครม. อนุมัติฟรีวีซ่าให้ชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางเข้าไทยเพื่อท่องเที่ยวได้ 30 วัน สอดคล้องนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ คาดสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 7 มิ.ย. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติในหลักการเพิ่มซาอุดีอาระเบียในรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วัน
ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ และทั้ง 2 ฝ่ายได้ประกาศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้กลับสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์ ซึ่งผลการหารือที่สำคัญด้านหนึ่งคือ การส่งเสริมการติดต่อระหว่างภาคประชาชน จะทำให้มีชาวซาอุดีอาระเบียมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น จากเดิมรัฐบาลซาอุดีอาระเบียจะอนุญาตให้ชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมายังประเทศไทยปีละประมาณ 30,000 คน เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 100,000-150,000 คน
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกหน่วยงานไม่มีข้อขัดข้องที่จะเพิ่มซาอุดีอาระเบียให้ได้รับสิทธิ์ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสอดคล้องนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยส่งเสริมการกระจายรายได้ไปยังภูมิภาคต่างๆ และชาวซาอุดีอาระเบียยังเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีการใช้จ่ายสูง และมักเดินทางเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
...
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันผู้ถือหนังสือเดินทางชาวซาอุดีอาระเบีย สามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) โดยพำนักในประเทศไทยได้ 15 วัน เสียค่าธรรมเนียมรายละ 2,000 บาท.