“ชัชชาติ” ขออย่าเปรียบเทียบการทำงานกับ “บิ๊กตู่” ชี้ บทบาทต่างกัน ขอมุ่งแค่ กทม. ส่วนจะฟ้องกลับ “ศรีสุวรรณ” หรือไม่ ให้ทีมกฎหมายดู ชี้ มีงานต้องทำให้ประชาชนอีกเยอะ

วันที่ 31 พ.ค. 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้สัมภาษณ์หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) คนใหม่ โดยในช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีการแจ้งความหลาย สน. และร้องเรียนต่อ กกต. เรื่องป้ายหาเสียง ว่า ต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายก่อน เพราะตนเองไม่ได้รู้รายละเอียด เนื่องจากไม่ใช่นักกฎหมาย

ขณะที่ประเด็น นายศรีสุวรรณ มองว่าไม่กล้าฟ้องกลับเพราะเป็นบุคคลสาธารณะนั้น นายชัชชาติ ตอบว่า “ไม่เป็นไร จริงๆ เราไม่ได้ฟังคำท้าทายอะไร แต่ต้องดูเงื่อนไขกฎหมายเรื่องความเหมาะสมว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นประโยชน์อย่างไร ผมว่าเรามีงานที่ต้องทำให้ประชาชนอีกเยอะ” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลายคนบอกเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ได้คำตอบว่า “ผมไม่ได้มองอย่างนั้น ไม่เป็นไร ท่านศรีสุวรรณก็ทำหน้าที่ตรวจสอบมานานแล้ว ไม่เป็นไร ใจร่มๆ แล้วก็มองไปอนาคต”

...

ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ยังกล่าวถึงการเปิดทีมทำงานในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย. 2565) ด้วยว่า จะมี 3 ทีม คือ ทีมรองผู้ว่าฯ กับเลขาฯ ทีมที่ปรึกษาการเมือง และทีมที่ปรึกษาด้านเทคนิค ซึ่งทีมที่ปรึกษาด้านเทคนิคเป็นทีมที่เราปรึกษามาตลอด ไม่ได้เงินเดือนอะไร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ามีทีมพร้อมและทำงานได้เต็มที่ เริ่มทำได้เลย และทำได้ทั้งหมดแน่นอน ที่ผ่านมาเขตก็มีการเริ่มนโยบายและร่วมแก้ปัญหาแล้ว รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็นำนโยบายไปดูว่าจะร่วมมือกันได้ เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดความร่วมมือ ซึ่งไม่เห็นมิติทางการเมืองแบบนี้มานานแล้ว

พร้อมกันนี้ ขอบคุณชาว กทม.ที่ไว้วางใจ จะไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าพูดกับตัวเอง 3 คำก็ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” สำหรับใน 4 ปีนี้เมืองต้องน่าอยู่ขึ้นในหลายๆ ด้าน เพราะเรามีนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี อีกทั้งจะเน้นเส้นเลือดฝอย ลงมาดูชุมชน ต้องทำตัวชี้วัดเพื่อให้เห็นว่าก้าวหน้าหรือถดถอยในจุดไหน และจะมีการเข้าไปพูดคุยกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) คาดว่าภายในวันที่ 1-2 มิ.ย.นี้ เพราะเรื่องทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้จริงๆ เราต้องเริ่มด้วยหลักที่ดี หากได้มาเห็นภาคีเครือข่ายจะช่วยให้ประชาชนมั่นใจมากขึ้น และยังมีอีกหลายองค์กรที่ต้องหารือกัน

ส่วนเรื่องที่ถูกนำไปเปรียบเทียบการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น นายชัชชาติ ระบุว่า “อย่าไปเปรียบ คนละเรื่องกัน เราอยู่ กทม. ก็ กทม. ผมว่าแต่ละคนมีบทบาทต่างกัน เทียบกันไม่ได้ อย่างนั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์ เราดูของเราเป็นหลัก ท่านมีภารกิจเยอะ และมันคนละรูปแบบกัน”

อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติ ยังได้กล่าวด้วยว่า ประชาชนสั่งให้เราทำงาน เราต้องทำตาม เวลานี้เป็นจังหวะที่รวมพลังกัน เพราะไม่ค่อยเห็นมิตินี้ทางการเมือง ซึ่งการเมืองใหญ่อีกบริบท อาจแข่งขันรุนแรงกว่า ถ้า กทม.ดี อาจจะขยายไปจุดอื่นได้ โดยภายหลังการให้สัมภาษณ์มีประชาชนเข้ามอบดอกไม้ให้กำลังและร่วมถ่ายภาพกับนายชัชชาติอย่างคึกคัก และบรรยากาศระหว่างลงพื้นที่ก็มีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ตะโกนให้กำลังใจ ซึ่งนายชัชชาติได้โบกมือทักทายและขอบคุณ พร้อมกันนี้มีนักเรียนมัธยมมายื่นหนังสือเพื่อสะท้อนถึงปัญหาที่นักเรียนใน กทม.พบเจอ ทั้งปัญหาเรื่องเครื่องแบบและทรงผม โดยนายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เชื่อว่าสามารถพูดคุยกันได้ด้วยเหตุผล เพราะการเรียนการศึกษาสำคัญกว่า.