“จุรินทร์” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นสักขีพยาน พิธีลงนามพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ร่วม เปรู อัปเกรด FTA 3 เรื่อง ปลื้ม ปี 64 มูลค่าการค้า ไทย-เปรู โตถึง 24.06% กว่า 15,700 ล้านบาท
วันที่ 21 พ.ค. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอํานวยความสะดวกทางการค้า พร้อมด้วย นางอานา เซซิเลีย เฮร์บาซิ ดิอัซ รัฐมนตรีช่วยว่าการด้านการค้าต่างประเทศ สาธารณรัฐเปรู ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องโลตัส ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า พิธีลงนาม “พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า” ในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของไทยและเปรูที่ได้ร่วมกันดำเนินการเจรจาปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างไทย-เปรู มาตั้งแต่ปี 2563 จนกระทั่งได้ข้อสรุปร่วมกัน และพร้อมลงนามความสำเร็จในวันนี้
...
การค้าระหว่างไทยและเปรูในปี 2564 มีมูลค่าเกือบ 15,700 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 24.06 สะท้อนให้เห็นประโยชน์และความสำคัญของการมีความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างกันนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
“โอกาสนี้ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการด้านการค้าต่างประเทศ กระทรวงการค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยวของเปรู และทีมงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยและเปรู ที่ได้ร่วมกันทำงานตั้งแต่ต้น เพื่อปรับปรุงเอกสารที่จะช่วยให้ FTA ระหว่างไทยและเปรูที่มีอยู่ ทันสมัยและบังคับใช้ได้จริง โดยเฉพาะการปรับปรุงพิธีสารฉบับนี้ ขอประกาศเริ่มพิธีการลงนาม พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูเพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกันต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า มีสาระสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ การปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อบท กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการค้าในปัจจุบันและในอนาคต อาทิ อนุญาตให้ใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้ การลงนามและประทับตราด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มเติมข้อบทให้รองรับการจัดทำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต เพื่อให้ข้อบทด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู มีมาตรฐานสูง เท่าเทียมกับความตกลง FTA ฉบับอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังได้ปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า จากระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2550 เป็นระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติขององค์การศุลกากรโลกที่มีการปรับโอนพิกัดศุลกากรเป็นประจำทุก 5 ปี ซึ่งจะทำให้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู มีความทันสมัย และช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศต่อไป