“บิ๊กป้อม” ปัดครอบงำ “ธรรมนัส” ไม่มีปัญหาวาระ 8 ปี “ประยุทธ์” “เสี่ยเฮ้ง” เมิน “โจ้”ขู่ยุบพรรค พปชร. แค่คำพูดสีสัน “ไพบูลย์” ไล่หวด “พิเชษฐ” แข็งข้อ ตัดสิทธิไม่ให้ดำรงตำแหน่งอื่น-ดีดพ้นไลน์กลุ่มไม่ให้ราคาถึงขั้นขับออก “พิเชษฐ” ไม่สน ขอโควตาฝ่ายค้านถล่ม “สันติ” “ยุทธพงศ์” โต้ดีล “ธรรมนัส” ยังไม่ล่ม ฉะ “ลุงป้อม” จุ้นจ้านจะโดนยุบพรรค “ชลน่าน” ห่วงม็อบจัดตั้งสร้างสถานการณ์ ย้อนรอยปฏิวัติปี 57 ประกาศผนึกเสื้อแดงเปลี่ยน ปท. “โทนี่” ออกคลับเฮาส์ถวายจงรักภักดี เย้ย “บิ๊กตู่” ทำ “บัตรไม่จน” ก็จบแล้ว “เฮ้ง” ฟุ้งปลดล็อกกู้เงินประกันสังคม ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คาดมีคนแห่ใช้สิทธิ์ 5 ล้านราย “เค ร้อยล้าน” ปัดไม่ได้บ้า ผบช.น.ขู่ถอนประกันก่อเหตุซ้ำ

หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาเบรก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ให้ไป กินข้าวกับพรรคฝ่ายค้าน จนถูกมองว่าเข้าข่ายแทรกแซงกิจการภายในของพรรคอื่น ขณะที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังยืนยันว่าดีลดังกล่าวยังไม่ล่ม

...

“บิ๊กป้อม” ปัดครอบงำ “ผู้กอง”

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 11 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประวิตรไม่มีสิทธิก้าวก่ายครอบงำแทรกแซงการทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) หลังออกมาเบรกไม่ให้ ร.อ.ธรรมนัสไปร่วมวงมื้อค่ำกับพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มพรรคเล็กว่า “ไม่มี” เมื่อถามย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัสยืนยันไม่ไปเองใช่ไหม พล.อ.ประวิตรตอบห้วนๆว่า “เออ เขาบอกเอง” เมื่อถามย้ำว่าไม่ใช่ พล.อ.ประวิตรไปขอใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรถึงกับอุทานว่า “เฮ่อ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จะเชิญไปร่วมงานรำลึกเหตุการณ์พฤษภา 35 พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่เห็นเชิญเลย เมื่อถามว่าช่วงรักษาการนายกฯ นายกฯได้กำชับอะไรก่อนไปประชุมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้องกำชับ หรอกคุยกันทุกวันอยู่แล้ว เมื่อถามว่าเรื่องเสียงพรรคเล็กนายกฯไม่ต้องห่วงใช่ไหม พล.อ.ประวิตรส่ายหน้ากล่าวว่า “วุ้ย”

ไม่มีปัญหาปมวาระ 8 ปี “ตู่”

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงประเด็นดำรงตำแหน่งวาระครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่กังวล มีการศึกษาข้อกฎหมายแล้วไม่มีปัญหาเรื่อง 8 ปี เมื่อถามถึงข้อสงสัยการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์หลังดำรงตำแหน่ง พล.อ.ประวิตรตอบว่า “รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ยื่น เขายื่น” เมื่อถามต่อว่าแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ครบวาระใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรพยักหน้ารับ เมื่อถามว่าสมัยหน้าจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถามทำท่าจะเดินไปที่รถ ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามว่าในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะนัดพรรคร่วมทานข้าวร่วมกันก่อนเปิดสมัยประชุมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “เดี๋ยวดูก่อน”

“เสี่ยเฮ้ง” เมิน “โจ้” ขู่ยุบพรรค

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค พปชร. กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคเล็กว่า คลื่นลมน่าจะเริ่มสงบ ปัญหาที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะการสื่อสารคลาดเคลื่อนกัน พอไปเป็นข้อกลางจึงได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน ผู้สื่อข่าวถามว่ายังมั่นใจเสียงรัฐบาลมีถึง 250 เสียงอยู่หรือไม่ และจะมีเสียงเกินไปถึงขนาดไหน นายสุชาติตอบว่า ไม่กล้าพูด ถึงอนาคต เราดูจากสมการตัวเลข เรื่องการเมืองต้องดูทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ส่วนกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขู่จะยื่นยุบพรรค พปชร. จากกรณี พล.อ.ประวิตรไปครอบงำพรรค ศท.นั้น นายยุทธพงศ์คงพูดไปแบบนั้น ไม่มีอะไร เป็นสีสันการเมืองของฝ่ายค้าน บางคำพูดเป็นสีสัน บางครั้งพูดเพราะหน้าที่ ก็ต้องยอมรับ ยืนยันไม่ใช่การครอบงำ เพราะไม่ได้ไปร่วมประชุมหรือไปสั่งการพรรคเขา ใกล้เข้าโหมดเลือกตั้งเป็นปีสุดท้าย ทุกคนต้องชิงพื้นที่สื่อนับถอยหลังเลือกตั้ง ถ้าใครไม่มีข่าวสื่ออาจลืมพรรคนั้นไป จึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีช่องทางโปรโมตตัวเองหรือพรรค

“นิโรธ” ฟุ้งเสียงแน่นเกิน 250

นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า มั่นใจเสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น วันที่ 17 พ.ค. มีนัดประชุมวิปรัฐบาลจะคุยเรื่องเตรียมพร้อมสภาเปิดว่ามีวาระอะไรบ้าง ทั้งเรื่องงบประมาณ กฎหมายลูก โดยเน้นไปที่เรื่องการเข้าประชุม เมื่อถามว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค พปชร. ระบุว่ารัฐบาลตอนนี้มีอยู่ 250 เสียง นายนิโรธตอบว่า ถึงอยู่แล้วจะเกินด้วย เมื่อถามย้ำว่าเป็นเสียงจากพรรคใดบ้าง นายนิโรธตอบว่า เรื่องนี้บอกไม่ได้ แต่ของพลังประชารัฐ ก็กว่า 90 เสียงแล้ว

พปชร.หวด “พิเชษฐ” แข็งข้อ

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ มีการประชุมคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรค พปชร. จากนั้นนายไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการฯ แถลงภายหลังการประชุมว่า นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. มีการกระทำจัดตั้งกลุ่มการเมือง ชื่อกลุ่ม 16 เคลื่อนไหวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพรรคและตามคำสั่งหัวหน้าพรรคไม่ให้สมาชิกพรรคตั้งกลุ่มการเมือง แต่นายพิเชษฐใช้สถานะการเป็นสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมกับ กก.บห.เพื่อไทย ที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน เพื่อเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีที่สังกัดพรรค การกระทำของพรรคเพื่อไทยเป็นปฏิปักษ์ต่อพลังประชารัฐ นอกจากนี้ นายพิเชษฐยังโทรศัพท์คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับ และเป็นบุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพลังประชารัฐ การกระทำของนายพิเชษฐจึงไม่มีสำนึกร่วมรับผิดชอบต่อเสถียรภาพพรรค ไม่มีจิตสำนึกในอุดมคติพรรค ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรค ทำให้สังคมและบุคคลภายนอกเข้าใจผิดและตำหนิติเตียนพรรค ทำพรรคเสียหาย เสียชื่อเสียง จึงเห็นว่าการกระทำของนายพิเชษฐฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค

ตัดสิทธิ-ดีดพ้นไลน์กลุ่ม 6 ด.

นายไพบูลย์กล่าวว่า จึงมีมติเห็นควรให้งดเว้นสิทธิของนายพิเชษฐ ในฐานะสมาชิกพรรคเป็นการชั่วคราว 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.-12 พ.ย. ดังนี้ 1.สิทธิได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการหรือตำแหน่งอื่นในสัดส่วนพรรค 2.สิทธิร่วมกิจกรรม ร่วมประชุมหรือใช้ห้องประชุมพรรค และสิทธิรับข้อมูลข่าวสาร เช่น แอปพลิเคชันไลน์ และ 3.สิทธิใช้ชื่อ ตรา เครื่องหมาย สัญลักษณ์ของพรรคในการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เมื่อถามว่านายพิเชษฐท้าให้มีมติขับพ้นจากพรรค นายไพบูลย์ตอบว่า ไม่ถึงขั้นต้องให้ความสำคัญขนาดนั้น เมื่อถามว่าจะไม่ขับพ้นจากพรรคใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ตอบว่าไม่มี เขาอยากให้ขับเราก็ไม่ขับอยู่กันอย่างนี้ไม่เป็นไร เรื่องนี้ถึงเวลามีทางออกอยู่แล้ว ถ้าเขาจะไปจริงๆเขาก็คิดได้เอง แต่พรรคจะไม่ขับ เมื่อถามว่าเหมือนการแช่แข็งหรือไม่ นายไพบูลย์หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไปคิดเอาเอง”

“พิเชษฐ” ขอโควตาซักฟอก “สันติ”

นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. หัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวว่า มติลงโทษของพรรคถือว่าไร้เหตุผล ตั้งธงลงโทษไว้อยู่แล้ว อ้างว่าทำฝ่าฝืนทำตัวเป็นปฏิปักษ์พรรค แต่กลับไม่พูดถึงเหตุผลการเคลื่อนไหว ที่ทำไปเพื่อตรวจสอบเรื่องทุจริต ขัดขวางการเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำอีอีซี ดึงอ้อยออกจากปากช้างยืนยันไม่เคยวางแผนล้มรัฐบาล ถ้าล้มต้องทำในที่ลับไม่มีใครทำในที่แจ้งให้เห็น ยืนยันจะเดินหน้าตรวจสอบโครงการดังกล่าวต่อไปในนามหัวหน้ากลุ่ม 16 และในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะขอโควตาฝ่ายค้านอภิปรายโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ขอพูดในนามอดีตหัวหน้าพรรคประชาธรรมไท ไม่เอ่ยชื่อพรรค พปชร. และจะลงมติไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง แน่นอน ถึงจะดองเค็มไม่ให้ย้ายพรรคไม่เป็นไร จะทำหน้าที่ ส.ส.ในนามกลุ่ม 16 ไม่ลาออกจาก ส.ส. พร้อมชนกับนายสันติต่อ

“สรวุฒิ” โวยถูกกีดกันรับ “ลุงตู่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค พปชร. นำ ส.ส.ชลบุรี และ ส.ส.พื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึง กทม. พิษณุโลก พิจิตร รวม 8-9 คนมารอต้อนรับ โดยไร้เงา ส.ส.กลุ่มบ้านใหญ่มาต้อนรับจนเกิดกระแสข่าวเตรียมโยกย้ายไปอยู่พรรคอื่นอีกรอบ ล่าสุดนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี กรรมการบริหารพรรค พปชร. ชี้แจงผ่านไลน์กลุ่ม ส.ส.พปชร. ถึงเหตุผลที่ไม่ได้ไปต้อนรับนายกฯว่า “เมื่อได้ทราบว่านายกฯจะมา ผมได้เตรียมผู้นำทั้ง 3 อำเภอ กับตัวแทนชาวบ้านไว้ต้อนรับ โดยจะขอดูแลทุกอย่างเอง ได้ประสานงานไปก็ได้รับแจ้งว่า สถานที่จำกัดและไม่เปิดให้คนภายนอกเข้าไป ทั้งที่มีพื้นที่หลายสิบไร่ ไม่ทราบว่าเกิดจากผู้ประสานงานไม่เข้าใจหรือเหตุผลอื่น งานแบบนี้เป็นโอกาสดีที่นายกฯจะได้พบปะชาวบ้าน ดังนั้น เมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมใดๆ ไม่อยากให้ชาวบ้านแท้ๆได้พบนายกฯ จึงตัดสินใจไม่ไปร่วมต้อนรับ”

รักเคารพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี กก.บห.พปชร. กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ไม่ได้ไปรับ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากมีบุคคลใกล้ชิดติดโควิด-19 เกรงว่าจะมีผลกระทบเนื่องจากมีคนไปร่วมงานจำนวนมาก ส่วนที่ปรากฏภาพไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมมารดา นายก อบจ.บ่อทอง ที่มีนายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี ไปร่วมงานด้วยนั้น เป็นการไปแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเท่านั้น ไม่ได้อยู่นาน ส่วนที่มีกระแสข่าวไปโยงว่าอาจไม่อยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเป็น กก.บห.ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้มา 4 รอบ ยืนยันไม่ไปไหน ยังอยู่กับพรรค ยังรัก เคารพ และพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“โจ้” โต้ดีล “ธรรมนัส” ยังไม่ล่ม

ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยืนยันนัดหมายการรับประทานอาหารกับพรรคเล็ก และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ในวันที่ 23 พ.ค. ยังมีอยู่ แม้ยังไม่ได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสอีกรอบ หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัสจะไม่ไปตามที่นัดกันไว้ แต่ยังไม่ได้ยินจากปาก ร.อ.ธรรมนัสว่าจะไม่ไป ถ้าไม่ไป ต้องมาบอกเองว่าไม่ไป เหตุใด พล.อ.ประวิตรต้องมาเกี่ยวข้องด้วย จะมาตอบแทนได้อย่างไร ไปครอบงำพรรคเศรษฐกิจไทยได้อย่างไร เดี๋ยวจะโดนร้องยุบพรรค แต่หาก พล.อ.ประวิตรสนใจมาร่วมรับประทานอาหารด้วยก็ยินดี ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบ ขณะนี้มี ส.ส.หลายคนสนใจไปร่วมรับประทานอาหารด้วย จะมีผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยไปร่วม ขณะที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ยังมาสอบถามว่าที่ไหน สนใจจะไป

ไม่ก้าวก่ายเรื่องภายใน พปชร.

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค พปชร. ระบุว่าจัดการเสียง ส.ส.พรรคเล็กได้แล้วว่า ต้องดูข้อเท็จจริงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเล็กโดยเฉพาะนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. หัวหน้ากลุ่ม 16 ที่อยากมีส่วนร่วมเพราะมีข้อมูล มาพูดคุยกับพวกเราเพื่อผสมผสานข้อมูลที่จะใช้ในการอภิปราย ส่วนจะระส่ำระสายหรือเคลียร์กันแล้วหรือไม่ คงต้องติดตามดู แต่เท่าที่ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ หน้าที่หลักคือพรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งใจว่าข้อมูลที่เราจะอภิปราย จะโน้มน้าวชักจูงพรรคเล็กยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ส่วนที่นายพิเชษฐถูกพรรค พปชร.ตั้งกรรมการสอบ ถือเป็นกระบวนการภายในพรรคเขา เราไม่ขอก้าวล่วง

จับตา “ประวิตร” ครอบพรรคอื่น

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ออกมาเบรก ร.อ.ธรรมนัสไม่ให้ไปทานข้าวเย็นกับนายยุทธพงศ์ ถือเป็นการครอบงำหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า เป็นก้าวย่างทางการเมือง สื่ออาจมองว่าเป็นการนัดทานข้าวโดยพรรคเพื่อไทย แต่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงสมาชิกพรรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแสวงหาข้อมูลโดยตรง และมีหน้าที่ในส่วนนี้ เราไม่ได้มอบหมายหรือมีมติใดๆ เป็นกิจกรรมที่ทุกคนย่อมแสวงหาโอกาส อาจทำให้คนเข้าใจผิด ส่วน พล.อ.ประวิตรจะครอบงำหรือไม่เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไป ว่าเป็นการบังคับให้สมาชิกพรรค การเมืองอื่นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่ และการกินข้าวร่วมกันเป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่ ต้องไปดูข้อกฎหมาย

ดักคอตั้งม็อบสร้างสถานการณ์

นพ.ชลน่านกล่าวถึงกรณี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ระบุว่าหากอนาคตไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นว่า ขอบคุณ ผบ.ทบ.ที่กล้าประกาศ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าจะเอาเหตุการณ์การบอยคอต “ลาซาด้า” มากระตุ้นให้เกิดการต่อต้านหรือการชุมนุมประท้วง และก่อให้เกิดการรัฐประหารหรือเปล่า เมื่อประกาศออกมาแบบนี้ถือเป็นเรื่องดี เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงไม่หลงเข้าไปร่วมชุมนุม ยกเว้นมีการจัดตั้ง อันนี้ไม่แน่เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นแบบนี้ตลอด ดังนั้นต้องยึดประกาศของ ผบ.ทบ.เป็นหลัก ถ้ามีมวลชนเคลื่อนไหวจริงและเกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าจะทำให้เกิดสิ่งนี้ โดยการนำมวลชนออกมาต่อต้านเคลื่อนไหว เสมือนทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อปี 2557 ซึ่งตรงนั้นไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น

พท.ผนึกเสื้อแดงเปลี่ยน ปท.

นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงการจัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย สมุทรปราการ บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ในวันที่ 14 พ.ค. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สำโรง จ.สมุทรปราการ ว่า พรรคเพื่อไทยคือบ้านหลังใหญ่ที่มีหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้บ้านหลังใหญ่หลังนี้กำลังค่อยๆ เติบโตขึ้นเพื่อก้าวไปสู่ความพร้อมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพื่อคืนชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าให้พี่น้องประชาชน จึงกำหนดจัดงานครอบครัวเพื่อไทยครั้งต่อไป ในวันที่ 14 พ.ค.2565 ที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อผนึกกำลังพี่น้องประชาชนให้พร้อมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และวาระครบรอบ 12 ปี เหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนในปี 2553 เราไม่ลืมจะขอผนึกกำลังพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตย คนเสื้อแดงซึ่งมีสายเลือดรักประชาธิปไตย ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศ คืนสิทธิเสรีภาพ คืนประชาธิปไตยและคืนความยุติธรรมให้กับพี่น้องคนเสื้อแดงไปด้วยกันอีกครั้ง

วางคิว “อุ๊งอิ๊ง” โชว์ตัวถี่ยิบ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยฯครั้งนี้ เพื่อเปิดรับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคนร่วมกิจกรรม และร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย จะมีกิจกรรมรำลึกนักสู้เพื่อประชาธิปไตย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ตน นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ร่วมกิจกรรม

“โทนี่” ถวายความจงรักภักดี

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวใน Clubhouse ร่วมกับกลุ่ม Care คิดเคลื่อนไทย ในหัวข้อ Thaksin Regime in the Multiverse of Poorness ทั้งนี้ ก่อนเริ่มสนทนานายทักษิณกล่าวถวายความจงรักภักดีเนื่องในวันฉัตรมงคล วันที่ 4 พ.ค. ว่า “ก่อนอื่นผมต้องขอเริ่มต้นด้วยวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันฉัตรมงคลของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ผมขอกราบถวายความจงรักภักดีเนื่องในวันฉัตรมงคล บางคนอาจจะสับสนว่าเมื่อรัชกาลที่ 9 วันฉัตรมงคลตรงกับวันที่ 5 พ.ค. แต่รัชกาลที่ 10 วันฉัตรมงคลตรงกับวันที่ 4 พ.ค. ที่เพิ่งผ่านไป ก็ขอกราบถวายความจงรักภักดีครับ”

เย้ย “ลุงตู่” ทำ “บัตรไม่จน” ก็จบ

จากนั้นนายทักษิณกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศว่าภายในเดือน ก.ย. หรือสิ้นปีงบประมาณนี้ คนไทยจะหายจนว่า รู้สึกตกใจเพราะเหลือเวลาสั้นมาก หากจะให้หายจนได้ทัน คงต้องเปลี่ยนชื่อจาก “บัตรคนจน” ที่แจกไป 20 ล้านใบ เป็น “บัตรไม่จน” เป็นไปไม่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน วันนี้คนลำบากมาก อยากให้นายกฯลงไปสัมผัสจริงๆจะรู้ว่าคนลำบากมากจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ทั้งนี้ หากระบอบประชาธิปไตยยังอยู่ไม่ถูกปฏิวัติ และเป็นไปตามครรลอง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ เชื่อว่าบ้านเมืองจะไม่แย่แบบนี้ ดีกว่านี้เยอะ แต่เรามีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน รัฐบาลเผด็จการ มาจากการยึดอำนาจ มีรัฐธรรมนูญที่ไม่เห็นหัวประชาชน มีไว้เพื่อรักษาอำนาจ แบบนี้ไปไม่ได้ ประเทศต้องมีทั้งฮาร์ดเพาเวอร์และซอฟต์เพาเวอร์ ทุกวันนี้ไม่ถูกพัฒนา ไม่เปิดโอกาส ทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นแรงงานราคาถูก

เสียดายโอกาสแทนคนไทย

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ถ้ายังเป็นนายกฯอยู่ทุกอำเภอจะมีโรงพยาบาล หรือคลินิก จะมีเซ็นเตอร์เพื่อเช็กดีเอ็นเอของคนในพื้นที่ว่ามีแนวโน้มป่วยเป็นโรคอะไร เพื่อดูแลและวินิจฉัย ทำการวิเคราะห์วิจัยต่อเนื่อง กระจายให้ทุกโรงพยาบาลสามารถซื้อยาได้เอง รวมไปถึงการดูแลเรื่องสุขภาพจิต ส่วนกองทุนหมู่บ้านจะพัฒนาให้เป็นธนาคารประจำหมู่บ้าน ดูแลคนในหมู่บ้าน จัดให้มีงบประมาณหมู่บ้านเพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเอง เป็นการกระจายอำนาจ สินค้าโอทอป จะผนวกกับเอสเอ็มอี สร้างเป็นไทยแลนด์แบรนด์ ตั้งเป็นเอาต์เลต ไว้ตามมหานครใหญ่ที่สำคัญของโลก อย่างนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน เซี่ยงไฮ้ และโตเกียว เพื่อโปรโมตสินค้าไทย รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เสียดายโอกาสของประเทศ

กมธ.เรียก “วงษ์สยาม” ชี้แจง

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้เชิญตัวแทนกรมธนารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เข้าให้ข้อมูลการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ตามที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดโปงความไม่โปร่งใส นายไชยากล่าวว่า ที่ประชุม กมธ. ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก และนัดประชุมครั้งถัดไปวันที่ 12 พ.ค. จะเชิญตัวแทนบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ที่ชนะการประมูล และบริษัทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (อีสต์วอเตอร์) ผู้รับสัมปทานเดิมมาให้ข้อมูล รวมถึงเชิญอดีตอธิบดีกรมธนารักษ์คนเดิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้ข้อมูล มาชี้แจงเพิ่มเติม

“เฮ้ง” ฟุ้งฉีกหน้าประวัติศาสตร์

ช่วงบ่ายที่กระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน แถลงรายละเอียดการปรับแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม หลังที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอว่า ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 จะทำให้ผู้ประกันตนกว่า 12 ล้านคนได้รับประโยชน์สูงสุด นับตั้งแต่มีการตั้งกองทุนประกันสังคมมา 30 ปี ตามมาตรการ “3 ขอ” 1.ขอเลือก ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน หรือ 15 ปี สามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นเงินบำเหน็จ หรือรับเป็นบำนาญ จากเดิมให้สิทธิ์เป็นบำนาญอย่างเดียว เหตุผลเพื่อให้มีเงินก้อนสำหรับลงทุนไม่ต้องไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ กรณีนี้จะเพิ่มออปชันสำหรับคนที่เลือกบำนาญเมื่ออายุครบ 55 ปี รับบำนาญได้เพียง 1 ปี แล้วเสียชีวิต กองทุนประกันสังคมจะส่งต่อให้กับทายาทไปอีก 4 ปี

เปิดออปชัน “ขอกู้-ขอคืนเงิน”

นายสุชาติกล่าวว่า 2.ขอกู้ ใช้เงินชราภาพที่ผู้ประกันตนส่งสมทบไว้ไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมกับสถาบันการเงิน ดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้เงินนอกระบบ และ 3.ขอคืน โดยจะเปิดช่องให้ขอคืนเงินบางส่วน หรือไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินชราภาพที่สะสมไว้ เช่น มีเงินชราภาพ 1 แสนบาท เป็นส่วนที่ผู้ประกันตนส่ง 4 หมื่นบาท นายจ้างสมทบ 4 หมื่นบาท และรัฐสมทบ 2 หมื่นบาท เมื่อเกิดวิกฤติขนาดใหญ่ เช่น การระบาดโควิดที่ต้องล็อกดาวน์นานถึง 3 เดือน ผู้ประกันตนสามารถขอคืนในส่วนที่ตัวเองสมทบมาคือ 4 หมื่นบาท อีกกรณีที่คิดไว้ คือกรณีเกิดวิกฤติรายบุคคลอย่างรุนแรง เช่น ไฟไหม้บ้านทั้งหมดอาจต้องช่วยเหลือหรือไม่ ต้องพิจารณาต่อไป เรื่องนี้ต้องกำหนดคำนิยามความจำเป็นในกฎหมายลูกให้ชัด จากนี้ต้องออกกฎหมายลูกตามมาอีก 15 ฉบับ แต่ต้องดำเนินการตามกระบวนการออกกฎหมายตามขั้นตอนต่อไป

คาดมีคนแห่ใช้สิทธิ์ 5 ล้านราย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสร้างความมั่นใจว่าไม่กระทบกองทุนได้อย่างไร เนื่องจากเห็นเพียงมาตรการเงินออกจากกองทุน นายสุชาติตอบว่า ไม่กระทบแน่นอน ที่ผ่านมามีคนเกษียณรับบำนาญเพียงปีละ 4 แสนคน ยังมีเงินพอ แต่ในระยะยาวมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะกระทบกับสิทธิ์ผู้ประกันตนรายอื่น เพราะส่งผลให้เงินลงทุนลดลง 3-4 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ได้ดอกผลลดลงด้วย ถือเป็นการเสียโอกาสของผู้อื่น จึงมีแนวคิดให้ผู้ใช้สิทธิ์ 3 ขอ ต้องจ่ายค่าเสียโอกาสให้กับผู้ประกันตนคนอื่น โดยหัก ณ ที่จ่าย อัตรา 3-4 เปอร์เซ็นต์ คาดว่ากฎหมายกว่าจะผ่านทุกขั้นตอนน่าประมาณปี 2566 และคาดว่าจะมีผู้ประกันตนมาขอสิทธิ์นี้ประมาณ 5 ล้านคน เรื่องนี้จะทำให้ผู้ประกันตนสามารถจับต้องหรือได้ใช้ประโยชน์จากเงินที่ต้องจ่ายสมทบทุกเดือน

“สาธิต” ย้ำใช้สูตร 100 หาร

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม นายสาธิตกล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค. กมธ.จะสรุปวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ยังเห็นต่างว่าใช้ 100 หรือ 500 หาร แต่ต้องแก้ไขไปตามร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขมาชัดเจนว่าต้องใช้จำนวน 100 หาร ต้องให้ได้ข้อสรุปในวันที่ 12 พ.ค. เพื่อให้เสร็จตามกำหนด ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุการเมืองหรือไม่ก็จะมีกฎหมายใช้เลือกตั้งได้ การที่ กมธ.บางคนแย้งว่าหากหาร 100 อาจขัดรัฐธรรมนูญเพราะแก้แค่มาตรา 91 มาตราเดียว ต้องยอมรับว่าเป็นความบกพร่องที่แก้ไขไม่ครบถ้วน แต่ไม่เป็นเหตุถึงขนาดต้องไปเปลี่ยนสัดส่วนการคำนวณ

“สมคิด” ไล่พรรคเล็กหาที่ยืน

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย โฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แถลงว่า ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเสร็จสิ้นแล้ว วันที่ 12 พ.ค.จะพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไฮไลต์อยู่ที่วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้ 100 หรือ 500 หาร แต่ร่างที่นำเสนอต่อรัฐสภา 4 ฉบับ ล้วนเขียนหลักการเดียวกันให้ใช้ 100 หาร ดังนั้นเขียนขัดต่อหลักการใช้ 500 หารไม่ได้ กรณีที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ยืนยันจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความสามารถทำได้ แต่การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ทำเพื่อคน 65 ล้านคน ไม่ได้ทำเพื่อพรรคใด หากพรรคเล็กกลัวโตไม่ทัน ให้ไปยุบรวมเป็นพรรคเดียวกันเพื่อไปต่อ มั่นใจว่าเสียง กมธ.เกินครึ่งลงมติให้ใช้ 100 หาร

“บิ๊กตู่” บินไปประชุมสหรัฐฯ

เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และคณะ ออกเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษครั้งที่ 2 ตามคำเชิญของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและสหรัฐฯ ได้ร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ผู้นำได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่างๆ เพื่อกำหนดทิศทางความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ในอนาคต ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงสถานการณ์ในประเทศ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถาม เพียงหันมาโบกมือพร้อมส่ายหัว

“เค” ปัดไม่บ้าขอโทษตบ “ป้าเป้า”

ที่ศาลแขวงปทุมวัน พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันนำตัวนายคเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา หรือเค ร้อยล้าน ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น กรณีทำร้ายร่างกายตบหน้านางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า ที่บริเวณสกายวอล์ก เขตปทุมวัน ขณะร่วมกิจกรรม “วาดแมวหยุดขัง ขอคืนสิทธิการประกันตัวให้นักโทษทางการเมือง” ไปยื่นฝากขัง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผ 96/2665 ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตีราคาหลักประกัน 20,000 บาท มีเงื่อนไขห้ามก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะ หรือก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับคดีนี้อีก นายคเณศพิศณุเทพกล่าวว่า แพทย์ให้กินยารักษาอาการทางจิต แต่ขอปฏิเสธไม่ได้มีอาการบ้า และได้เยียวยาขอโทษ “ป้าเป้า” แล้ว สำนึกได้ว่าเป็นผู้สูงอายุคนหนึ่ง

ก่อคดีซ้ำอาจถูกถอนประกัน

ที่ บช.น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. กล่าวว่า ต้องส่งตัวนายเคไปตรวจสอบอาการทางจิตอีกครั้ง หลังจากเคยมีพฤติกรรมก่อความรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง ก่อนหน้านี้เป็นคดีปล่อยสัตว์ถูกส่งตัวไปรักษา แพทย์ยืนยันว่ารักษาหายแล้ว ผู้ต้องหาจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอปล่อยตัวชั่วคราวออกมาต่อสู้คดี เมื่อมาก่อเหตุอีกพนักงานสอบสวนอาจพิจารณาขอถอนประกัน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ดูแลนายเคต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่ามีการปล่อยปละละเลยหรือไม่