“สุชาติ” เมิน “ยุทธพงศ์” ขู่ ยื่นยุบพลังประชารัฐ อ้าง “บิ๊กป้อม” ครอบงำพรรคเศรษฐกิจไทย บอก เป็นสีสันการเมืองหน้าที่ฝ่ายค้าน ชี้ ใกล้เลือกตั้งหวังชิงพื้นที่สื่อ

วันที่ 11 พ.ค. 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการพูดคุยกับพรรคเล็กในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า คลื่นลมน่าจะเริ่มสงบ จากที่คุยผู้แทนพรรคเล็กระดับหัวหน้าพรรค มีคุณวุฒิ วัยวุฒิสูง แต่ปัญหาที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะการสื่อสารคลาดเคลื่อน เมื่อตนไปเป็นข้อกลางจึงได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่มั่นใจเสียงรัฐบาลมีถึง 250 เสียง ยังมั่นใจอยู่หรือไม่ และจะมีเสียงเกินไปถึงขนาดไหน นายสุชาติ ตอบว่า ไม่กล้าพูดถึงอนาคต ที่สื่อถามเราก็ดูจากสมการตัวเลข เรื่องการเมืองต้องดูทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล

ส่วนกรณีที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุจะยื่นยุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปครอบงำพรรคเศรษฐกิจไทยนั้น นายสุชาติ ระบุว่า นายยุทธพงศ์ พูดไปแบบนั้นไม่มีอะไร เป็นสีสันการเมืองของฝ่ายค้านที่ต่างคนต่างมีหน้าที่

เมื่อถามย้ำว่าเป็นแค่การพูดขู่หรือไม่ นายสุชาติ ให้คำตอบว่า ไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะนายยุทธพงศ์ เป็นผู้ใหญ่ เป็นรัฐมนตรีมาก่อนตน คิดว่าการเมืองบางเรื่องไม่จำเป็นต้องผิดใจทุกคำพูด บางคำพูดเป็นสีสัน บางครั้งพูดเพราะหน้าที่ ก็ต้องยอมรับ และกรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการครอบงำ แต่สื่อมวลชนไปถาม พล.อ.ประวิตร เมื่อถามก็ตอบ ใครมีเบอร์ พล.อ.ประวิตร สามารถโทรศัพท์หาได้ พรรคฝ่ายค้านก็โทรได้ และการโทรคุยกันเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ไปร่วมประชุมกับพรรคเขาหรือไปสั่งการให้เป็นมติที่ประชุม

...

สำหรับคำถาม มองอย่างไรที่บทบาทฝ่ายค้านเวลานี้ไม่เน้นอภิปรายแต่ไปเน้นเรื่องการดึงเสียง ส.ส. ซึ่ง นายสุชาติ เผยว่า เพราะใกล้หมดเลือกตั้ง เป็นปีสุดท้าย ทุกคนต้องชิงพื้นที่สื่อ แต่ละพรรคก็ต้องทำให้มีชื่ออยู่ในสื่อเพื่อนับถอยหลังเลือกตั้ง ถ้าใครไม่มีข่าวสื่อก็อาจจะลืมพรรคนั้นไป เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีช่องทางโปรโมตตัวเองหรือพรรค โดยเมื่อถามย้ำว่าเป็นการหาแสงให้กับตัวหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ไปพูดแบบนั้นไม่ได้ ผู้แทนแต่ละคนมีเกียรติและศักดิ์ศรีทุกคน และเราก็เคารพทุกคน สำหรับตนเองถ้ามีประเด็นจึงสัมภาษณ์ ถ้าไม่มีประเด็นไม่สัมภาษณ์ เพราะบางครั้งพูดไปอาจจะไปเตะหรือโดนอะไรได้ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกัน.