กินข้าวเย็นกับผู้ว่า "ศิธา ทิวารี" เผย แพ้ชนะไม่ใช่บรรทัดสุดท้าย ชี้ "เลือกศิธา ได้ สุดารัตน์" เพราะทำงานเป็นทีม ยันเป็นมิตรกับทุกพรรค ไม่ได้ขัดแย้งกับ พปชร. แต่ขอเว้นคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญมา

วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 เมื่อเวลา 18.30 น. น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย ได้ร่วมพูดคุยสนทนากับวง #กินข้าวเย็นกับผู้ว่า โดย "นิ้วกลม" สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ และ อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา บรรณาธิการบริหารไทยรัฐออนไลน์

...

น.ต.ศิธา กล่าวว่ากรุงเทพมหานครควรปลดล็อกเรื่องต่างๆ ที่กดทับคนกรุงฯ โดยเฉพาะการช่วยคนตัวเล็ก ซึ่งมีหลักในการทำงานคือการปลดปล่อย หรือ Liberate ประชาชน พร้อมมองว่ากรุงเทพมหานครสำคัญมากในการสานต่อนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย โดยจะใช้ กทม.เป็นพื้นที่นำร่อง แน่นอนว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่มีใครอยากแพ้ โดยเป้าหมายแรกของเราคือต้องการชนะ เพื่อมาช่วยเหลือคน กทม. อย่างแท้จริง แต่หากไม่ได้สำหรับตัวเองแพ้ชนะไม่ใช่บรรทัดสุดท้าย เพราะยังเดินหน้าช่วยประชาชนต่อ

ส่วนคำพูดที่ว่า "เลือกศิธา ได้ สุดารัตน์" เพราะเราไม่ได้ปิดบัง เนื่องจากเราทำงานเป็นทีม ซึ่งเรายังเป็นมิตรกับทุกพรรค ไม่ได้ขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่เอาเผด็จการ หากตัวบุคคลที่มีแนวความคิดที่ฝังกับรัฐธรรมนูญ แม้จะเป็นทหารด้วยกันแต่ตนเองก็เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย โดยยืนยันว่าตนเองสามารถทำงานได้กับทุกกลุ่ม ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แต่จะไม่เห็นด้วยกับคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญ รวมถึงการเขียนรัฐธรรมนูญให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน เลือกนายกฯ ได้ เพราะมองว่าจะไปโหวตเลือกนายกฯไม่ได้ เนื่องจากเหมือนใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มาชุบตัวว่ามาจากประชาชน ทั้งที่ครึ่งหนึ่งนั้นเป็นคนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เลือกมา พร้อมยืนยันว่าแม้พรรคไทยสร้างไทยจะไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ ก็ยังคงผลักดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องอำนาจ ส.ว. อยู่ดี

ส่วนที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคใหม่จะมีผลบวกและลบหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นบวกหรือลบ โดยยอมรับเคยถูกถามว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เพราะต้องการกระแสไปสู่พรรคไทยสร้างไทยหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีผลต่อการเมืองภาพใหญ่ ส่วนการที่มาอยู่กับพรรคคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะเห็นได้ว่าตนเองและคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่เคยไปร่วมม็อบเลย หากจำได้ตนเองเคยไปแค่ครั้งเดียวในวันปลดล็อกการเมืองที่ราบ 11 แต่ก็ไม่ได้ขึ้นปราศรัยอะไร ซึ่งเรื่องม็อบทางพรรคไม่ได้ขัดแย้งหรือว่าไม่สนับสนุน เพราะคิดเรื่องต้านรัฐประหารเหมือนกัน แต่เรื่องปิดถนนแบบนานๆ ส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบ แต่ยืนยันว่าพรรคอยู่ในขั้วประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพรรคไม่มีนายทุน เพราะนายทุนคือของคุณหญิงสุดารัตน์

ขณะเดียวกันหากให้ประเมินคะแนนสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเองยอมรับว่าไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องตัว ส.ก. สามารถประเมินได้เพราะทางพรรคได้ตัวดีๆ มาเยอะ

ทั้งนี้ในช่วงท้ายผู้ดำเนินรายการถามว่า หากไม่ได้เลือกตัวเองเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเลือกใครมาดำรงตำแหน่ง โดย น.ต.ศิธา ระบุว่า ตนเองเชียร์คนนี้ตั้งแต่อยู่พรรคเพื่อไทยแล้ว นั่นคือ นายชัชาติ สิทธิพันธุ์ แต่ก็พูดติดตลกว่า เมื่อพูดไปแล้วคะแนนอาจหายไปมากได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ ตนเองก็ยังทำงานที่พรรคไทยสร้างไทยต่อ อยู่ที่ว่าจะให้ช่วยงานไหน