"สกลธี ภัททิยกุล" ร่วมวงสนทนา #กินข้าวเย็นกับผู้ว่า รับในใจยังเป็น กปปส. แต่มองไม่ควรเกิดปฏิวัติรัฐประหารอีก ชี้ หากไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ ยังทำงานการเมืองต่อ เหตุยังมีเวลา เพราะเพิ่งอายุ 44 ปี
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 27 เมษายน 2565 นายสกลธี ภัททิยกุล หมายเลข 3 ผู้สมัครอิสระ ร่วมพูดคุยกับไทยรัฐพลัสและไทยรัฐออนไลน์ ผ่านการพูดคุย โดย "นิ้วกลม" สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ และ อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา บรรณาธิการบริหารไทยรัฐออนไลน์ ใน #กินข้าวเย็นกับผู้ว่า
...
โดย นายสกลธี ได้ระบุถึงฐานเสียงและนโยบายของตนเองที่อยากจะขอคะแนนจากคนรุ่นใหม่ เพราะเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะดูนโยบาย รวมถึงคนที่คุยกันแล้วรู้เรื่อง จึงอยากจะขอเป็นพี่ เพื่อมาทำงานการเมือง และอยากจะให้เลือกคนที่ทำงานจริงๆ และนำเสนอนโยบายที่ใช่สำหรับตนเองจริงๆ
นอกจากนี้ นายสกลธี ไม่ปฏิเสธว่าตนเองเป็น คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. หรือ เป็นอดีตกปปส. เพราะในใจก็ยังเป็น กปปส.อยู่ จึงไม่ขอลบโพสต์ในอดีต แต่หากใครจะขุดมันออกมาก็ขอให้มาคุยกันด้วยเหตุผล และการที่ออกมาเรียกร้องในตอนนั้น ก็ยังคิดว่าเป็นสิทธิ์ที่คิดถูกในช่วงเวลานั้น
"แต่หากถามว่าการเรียกร้องในวันนั้น ได้อย่างใจทุกอย่างไหมก็ยังไม่ ทุกคนมีความปรารถนาดีกับบ้านเมือง แต่ถ้าถามว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไหม ก็คือไม่ โดยตลอด 7-8 ปี ก็มีความลำบากในการสู้คดี จะทำอะไรจึงอยากให้คิดให้มากๆ เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่การออกไปต่อสู้ก็เป็นสิทธิ์ พอมองวันนี้ก็อยากให้เป็นไปตามกระบวนการตามครรลอง ตอนนี้ไม่ควรมีการเกิดปฏิวัติรัฐประหารอีกแล้ว อยากให้การเลือกตั้งคราวนี้ก้าวข้ามไป ไม่งั้นเราจะติดในหล่มแบบนี้ไม่มีวันจบ" นายสกลธี กล่าว
นอกจากนี้ นายสกลธี ยังเป็นแฟนสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ แมนยูฯ โดย นายสกลธี ระบุว่า หากเปรียบกรุงเทพฯ เป็นแมนยูฯ ก็เหมือนกันตรงที่มีทุกอย่างแต่อาจจะขาดการบริหารจัดการ และรวมทุกอย่างให้มันดี ส่วนเรื่องการปราบทุจริต ส่วยจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าคนให้ไม่เต็มใจ ทางแก้คือต้องนำเข้าระบบ จะสามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนที่มีคนบอกว่า ผู้ว่าฯ ต้องลุย ตนเองไม่เห็นด้วย เพราะการเป็นผู้ว่าฯ ต้องประสานได้ และจะขอเป็นผู้ว่าฯ ที่หาเงินเข้ามาด้วย ไม่ใช่ใช้เงินงบประมาณอย่างเดียว
โดยในวงสนทนายังได้มีการสอบถามว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ ก็ได้ทำงานต่อ แต่หากไม่ได้เป็นจะทำอย่างไร นายสกลธี ระบุว่า คงนั่งเสียใจไป 3 วัน พร้อมกล่าวว่าล้อเล่น เพราะตนเองรู้รสชาติมาหมดแล้ว ทั้งสอบได้และสอบตก จึงเข้าใจวัฏจักรในเรื่องนี้ดี อีกทั้งครั้งนี้แข่งกันกว่า 30 คน คนผิดหวังแน่นอนว่าย่อมเยอะกว่า แต่มันก็ต้องเดินต่อไป ตนเองอยู่การเมืองมา 16 ปี ก็คงทำงานการเมืองต่อ แต่จะรูปแบบใดต้องตัดสินใจอีกครั้ง เพราะเพิ่งอายุจะ 44 ปี จึงมองว่ายังมีเวลาอยู่อีกสักพัก.
