ท่านอาจารย์พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) อธิบายคำว่าอโคจร ไว้ในพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์
(สำนักพิมพ์ธรรมสภา) ไว้ดังต่อไปนี้
อโคจร นัยที่หนึ่งแปลว่า สถานที่อันไม่ควรเข้าไป บุคคลที่ไม่ควรไปมาหาสู่อโคจรที่ระบุไว้มี 6 คือ หญิงแพศยา (หญิงขายบริการทางเพศ) หญิงม่าย สาวเทื้อ ภิกษุณี บัณเฑาะก์ (กะเทย) ร้านขายสุรา
แม้สถานที่อยู่ของหญิงเหล่านั้น สถานเริงรมย์ บ่อนการพนัน สถานที่เสี่ยงต่อความเสียหายที่ภิกษุไม่ควรเข้าไป ก็อนุโลม เป็นอโคจรด้วยทั้งสิ้น
คำอโคจร ยังมีคำอธิบายเพิ่มเติม เป็นนัยที่สอง การเที่ยวไปอย่างไม่สมควร หมายถึงความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของภิกษุ คือ
เที่ยวไปในอโคจร 6 คลุกคลีกับผู้เป็นใหญ่ในบ้านเมือง กับเดียรถีร์ สาวกเดียรถีร์ โดยคลุกคลีแบบคฤหัสถ์ ติดต่อคบหากับตระกูลที่ไม่มีศรัทธา มักด่าว่าเสียดสีมุ่งความเสื่อมเสียแก่บริษัท 4
ไม่สำรวมเดินไปในละแวกบ้าน เช่น เดินไปด้วย ดูผู้คนดูสัตว์ต่างๆไปด้วย เห็นรูป ฯลฯ แล้วไม่สำรวมระวังอินทรีย์ คือไม่สำรวมตา ไม่สำรวมหู เป็นต้น
ขวนขวายดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล เช่น ดูฟ้อนรำ ขับร้อง แข่งม้า ชนไก่ และ...หมกมุ่นอยู่ในกามคุณ 6
ทุกวันนี้ ชาวบ้านก็ยังเห็นพระภิกษุเดินขวักไขว่ในตลาด
หรือในชุมชนน้อยใหญ่ เมื่อแรกเห็นก็อย่าเพิ่งเหมาทุกเรื่องว่าเป็นอโคจร สถานที่ที่พระไม่ควรไป
พระท่านอาจมีความจำเป็นต้องใช้เป็นทางผ่าน
แต่ท่วงท่าก็น่าจะบอกได้ ถ้าท่านเดินแบบชมนกชมไม้ เหมือนพระยาน้อยชมตลาด นั่นแหละจะแอบนินทาท่านได้ แต่จะไปชี้ปรับว่าผิดพระวินัย...พระท่านอาจจะแก้ว่าในพระวินัยไม่มี
พระมีวินัยที่ต้องท่อง ต้องฟัง เพื่อทบทวนทุกครึ่งเดือน ในวันพระ เรียกว่าสวดปาฏิโมกข์ครับ วินัยในปาฏิโมกข์มี 227 ข้อ
ผมเป็นสามเณรเก่า ยังพอมีความจำเก่าๆหลงเหลืออยู่บ้าง ยังมีพระวินัยอีกหลายข้ออยู่นอกปาฏิโมกข์
ภิกษุส่องกระจกเพื่อดูความสวยงาม เป็นอาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุพกวัตถุอนามาส (เช่น ปืนในย่าม) ท่านว่าต้องอาบัติทุกย่างเท้าที่ก้าว ภิกษุฉันผลไม้ที่เก็บไว้ค้างคืน ต้องอาบัติทุกคำกลืน ฯลฯ
แต่จะมีอยู่ในพระวินัยหรือไม่ หรือแค่เป็นอาบัติสถานเบา ปลงอาบัติก็หาย เช่น ฉันข้าวเย็น ดื่มสุรา ฯลฯ เมื่อทำให้ชาวบ้านติฉินนินทา ท่านว่าเป็นโลกวัชชะ (โลกติเตียน) ในทางพระก็ถือว่าผิด
พระผู้ใหญ่ต้องจัดการเพื่อลดหย่อนผ่อนปรนความรู้สึกของชาวบ้าน โดยหลักพุทธศาสนา พระอยู่ได้ด้วยอาหารบิณฑบาตจากชาวบ้าน
ศีลทุกข้อเป็นกติกาที่สมมติ ว่าตกลงกับชาวบ้าน เมื่อละเมิดเช่น นัดสีกาไปนอนในกุฏิ หรือจับต้องกายเด็กหญิง ทางโลกก็แค่เรื่องเซ็กซ์ธรรมดา แต่ทางพระถือว่า เป็นอาบัติหนักปลงไม่หาย บางข้อ ขาดจากความเป็นพระ
ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเรื่องของพระนะครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนักการเมือง
ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ นักการเมืองเขามีศีลมากกว่าชาวบ้านทั่วไปหรือไม่ สมัยนายกฯชวน เคยเขียนไว้หลายข้อ แต่จนป่านนี้ไม่มีใครพูดถึงกัน และดูเหมือนจะไม่มีนักการเมืองฝ่ายไหนใช้
เรื่องผิดผัวผิดเมีย มั่วซั่วกันด้านศีลธรรม ดูจะยกไว้เป็นเรื่องส่วนตัว เอากันแค่เรื่องงาน กินคำน้อย กินคำใหญ่ ก็แทบจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันกันเสียแล้ว.
...
กิเลน ประลองเชิง