"อนุทิน" รองนายกฯ และรมว.สธ.เผย สธ.หารือ ศบค.พรุ่งนี้ คลายล็อกมาตรการโควิด-19 คนเดินทางเข้าประเทศเพิ่ม หลังตรวจ RT-PCR พบวันละประมาณไม่เกิน 100 คน เชื่อรับมือได้ เศรษฐกิจจะได้เดินหน้า
วันที่ 21 เม.ย. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง การเสนอผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศต่อ ศบค. วันที่ 22 เม.ย.นี้ จะเป็นการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบหรือไม่ ว่า สธ.ในฐานะผู้นำเสนอการใช้มาตรการต่างๆ เบื้องต้นเราพิสูจน์แล้วว่า จำนวนการติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้าประเทศ มีน้อยมากเทียบกับการติดเชื้อในประเทศ วันละ 2 หมื่นราย ไม่รวมการตรวจ ATK ขณะที่ผู้เข้าประเทศเราตรวจ RT-PCR เราพบวันละประมาณไม่เกิน 100 คน บางคนเป็นคนไทย เราห้ามเขาเดินทางเข้ามาไม่ได้ ดังนั้น อัตราการติดเชื้อผู้เดินทางเข้าประเทศเราคิดว่า รับมือได้ เราต้องการให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป จะเห็นว่า พอเราผ่อนมาตรการ เช่น เหลือตรวจ RT-PCR เพียงครั้งเดียว ไม่ต้องกักตัวแบบสมัยก่อน ก็มีคนเข้ามาท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจมากมาย เราก็ต้องทำให้เกิด ซึ่งไม่ได้ทำอะไรสวนทางกับทั่วโลก อาจจะเดินตามเขาด้วยซ้ำในความเข้มงวดการตรวจคัดกรองเชื้อ ถ้าอยู่ภายใต้การบริหารจัดการได้ ไม่ให้เกิดป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากขึ้นจนระบบรับไม่ไหว เรามีความตั้งใจที่จะเปิดให้กว้างขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนสามารถสร้างรายได้ มีงานทำ มีกิจวัตรเป็นปกติได้ เป็นสิ่งที่ สธ.ตั้งใจทำมาตลอด
"ไม่อยากให้ไปพาดหัวว่า เปิดแล้ว กว้างแล้ว สธ.โอเค เพราะเรามี ศบค. ทุกอย่างไม่ได้จบที่ สธ. แต่เรามีหน้าที่เสนอ ซึ่งใน ศบค.มีกระทรวงมหาดไทย คมนาคม ต่างประเทศ สถาบันการแพทย์ต่างๆ นายกรัฐมนตรี เราต้องไปหารือในนั้น ซึ่ง สธ.ที่รับผิดชอบการป้องกัน ดูแลรักษาทางการแพทย์ เรามีความเห็นแบบนี้ ไปเข้าข้อจำกัดหน่วยงานอื่นหรือไม่ ก็มาหารือกัน แล้วมีมติออกมา เราทำงานเป็นทีม" นายอนุทิน กล่าว
...
เมื่อถามว่า สธ.มองว่า การผ่อนคลายมากขึ้นจะมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างมีปัจจัยเสี่ยง อยู่ที่บริหารปัจจัยเสี่ยงอย่างไร อย่างออกจากบ้านไม่เสี่ยงโควิดก็เสี่ยงอุบัติเหตุ ทุกคนมีปัจจัยเสี่ยงอยู่แล้ว อยู่ที่ประเมินเสี่ยงและระมัดระวังอย่างไร หลักเดียวกันกรณีโควิดก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ถ้าไม่ให้เสี่ยงก็โทเทิลล็อกดาวน์ แต่ประชาชนเราไม่ไหว ซึ่งที่ผ่านมาเราประเมินและบริหารความเสี่ยง ทำมาตลอดรวมถึงโรคอื่นด้วย ซึ่งโรคเกิดมา 2-3 ปี ไม่ได้เลวร้ายมากขึ้น ก็หาวิธีอยู่ร่วมกันและทำลายมัน.