ทนายตั้มเผยเหยื่อปริญญ์แจ้งเพิ่มรายที่ 15 เป็นสาวไฮโซดังถูกลวงไปหวังขยี้ในห้องเชือด แต่หนีรอดมาได้ ปูดเหยื่อรายแรกไม่ให้ความร่วมมือ เชื่อมีตำรวจยศ พล.ต.ต. เชื่อมแม่ผู้เสียหายไม่ให้มาคุย แฉซ้ำมีคนพยายามเอาเงินโปะเหยื่อบางรายให้จบเรื่อง ลั่นยังมั่นใจการทำงานตำรวจ แต่ต้องระวังตัวเพิ่ม มีผู้ใหญ่เตือนให้ระวังคนแฝงตัวเป็นผู้เสียหายทำให้ดูเป็นเกมการเมือง เหมือนเป็นการสร้างเรื่อง ขณะที่โฆษก บช.น.แจงอยู่ระหว่างดูหลักฐานยืนยันทำคดีโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขู่ใครมาแจ้งเท็จถือว่ามีความผิด

กรณีทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดโปงพฤติกามฉาวโฉ่ของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการนำเหยื่อสาวเข้าแจ้งความดำเนินคดีกล่าวหาว่ากระทำอนาจาร-ข่มขืน กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เหยื่อส่วนใหญ่ ถูกลวงเข้าไปทำมิดีมิร้ายในห้องพักนายปริญญ์ที่คอนโดมิเนียมทาวเวอร์ พาร์ค สุขุมวิทซอย 3 มีผู้เสียหายทยอยแจ้งความแล้วทั้งหมด 14 คน ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบคำให้การเพราะบางรายหมดอายุความไปแล้ว ขณะที่นายปริญญ์ยังเก็บตัวเงียบหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ถูกนำไปฝากขัง ศาลให้ประกันตัวชั่วคราวแบบมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 เม.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีประสานผู้เสียหายสาวทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายปริญญ์ ทั้งข้อหากระทำอนาจารและข่มขืนรวม 14 คน ว่า มั่นใจการทำงานของตำรวจ ถึงแม้หลายคดีจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่มีการจัดเก็บพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน สำนวนค่อนข้างแน่น มีจุดบอดเพียงแค่ผู้เสียหายมาช้าไป เหตุเกิดขึ้นหลายปี แต่ยังไม่ขาดอายุความ ทั้งนี้ยังพบตัวอย่างในต่างประเทศที่คนใหญ่คนโตถูกดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าเหยื่อไม่กล้าแจ้งความ

...

นายษิทรากล่าวต่อว่า ส่วนเหยื่อรายที่ 15 ที่เป็นไฮโซสาว อายุประมาณ 30 ปีนั้น ได้ประสานตนมานานแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยตัว เพราะเป็นผู้มีชื่อเสียงได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ในฐานะพยานเมื่อวันก่อนเรียบร้อย เหตุเกิดเมื่อปี 51 หลังจากเหยื่อพูดคุยกับผู้ก่อเหตุได้ประมาณ 4 เดือน ก่อนถูกพาไปที่ห้องพักในคอนโดเช่นเดียวกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ทั้งถูกลวนลาม จูบปาก แต่สามารถหลบหนีออกมาได้ นอกจากนี้ ยังมีเหยื่อประสานมาอีก 2 คน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้

นายษิทรายังได้กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้อีกครั้งว่า ไม่ทราบว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไร เพราะช้าไปแล้ว อีกทั้งพรรคยังไม่มีอำนาจสอบสวน ตามจริงพรรคน่าจะทราบพฤติกรรมผู้ก่อเหตุมาก่อน เรื่องในอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะ การที่พรรคออกมาแถลงขอโทษนั้นมองว่าถูกสังคมกดดันมากกว่า คดีนี้คงยังไม่ส่งฟ้องเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่ได้กันผู้เสียหายไว้เป็นพยาน 3 ราย จาก 12 คน นอกจากนี้มีผู้ใหญ่ที่สนิทกับตนและหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง เตือนว่าให้ระวังโดนพรรคโต้กลับ แต่ไม่ทราบว่าเป็นการเตือนลักษณะไหน ยอมรับว่ากังวลจะมีคนแฝงตัวมาเป็นผู้เสียหาย ทำให้ดูเป็นเกมการเมืองจนทำให้เหยื่อทั้งหมดดูเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา จากนี้มีใครติดต่อมาต้องระวังมากขึ้น ที่ผ่านมาตรวจสอบทุกเคส บางคนมีแชต ภาพถ่ายหลักฐาน แต่คนที่มาเล่าเหตุการณ์อย่างเดียวคงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

นายษิทราหรือทนายตั้มกล่าวต่ออีกว่าตอนนี้ไม่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายรายแรกแล้ว เพราะไม่ให้ความร่วมมือ มีตำรวจยศ พล.ต.ต.นายหนึ่งคอยมาคุยกับแม่ กังวลว่าจะเป็นคนห้ามผู้เสียหายมาคุย เพราะได้บอกให้ทำหนังสือมอบฉันทะให้ไปค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ศาลแต่เหยื่อรายนี้ก็ไม่ทำ ทั้งนี้ ได้มอบคลิปอีกชิ้นระหว่างผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเป็นหลักฐานให้ตำรวจไปแล้ว สำหรับ พล.ต.ต.คนนี้ ไม่ใช่เครือญาติผู้เสียหาย แต่แม่ผู้เสียหายเรียกว่า “ลุง” มีพฤติกรรมทำให้ผู้เสียหายไม่ให้ความร่วมมือกับตน

ทนายตั้มกล่าวต่อว่า จากนี้จะส่งหนังสือไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบถามว่านายตำรวจ คนดังกล่าวเป็นใคร หากพบจะมีความผิดทั้งทางวินัยและอาญา หากเป็นตำรวจนอกราชการ จะไม่มีความผิดทางวินัย แต่มีความผิดทางอาญา เนื่องจากเข้าไปแทรกแซงคดีความ เบื้องต้นทราบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเพียง 1 ราย ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับรายอื่นด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายถอนแจ้งความ แต่ยอมรับว่ามีผู้เสียหายทั้งคนเก่าที่แจ้งความไปแล้ว และผู้เสียหายคนใหม่ที่ยังไม่ได้แจ้งความไม่ให้ความร่วมมือ แต่เชื่อว่าคำให้การผู้เสียหายทั้งหมดจะทำให้ศาลเชื่อถือได้ในคำให้การและยังมีผู้เสียหายติดต่อเข้ามาให้ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ของทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความว่า “#เกมส์การเมือง ตอนนี้สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือ การส่งผู้เสียหายมาแล้วแกล้งให้จับโป๊ะได้ จากนั้นก็รับสารภาพว่าทำเพื่อกลั่นแกล้งรองหัวหน้าพรรค เพื่อทำลายความชอบธรรมของเหยื่อที่แท้จริง นับจากนี้ผมจะพยายามสกรีนทุกคนที่เข้ามาใหม่ ให้ไม่มีพวกผสมโรง เข้ามาก่อความวุ่นวายครับ”

ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยถึงคดีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาอนาจารและข่มขืนว่า ขณะนี้ทั้งหมดมี 14 คดี แบ่งเป็นนครบาล 12 คดี จังหวัดเพชรบุรี 1 คดี จังหวัดเชียงใหม่ 1 คดี อยู่ระหว่างสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากบางเรื่องอาจจะหมดอายุความการร้องทุกข์ที่เป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ หลังจากรู้เหตุ รู้ตัวบุคคลโดยต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน และบางความผิดที่เป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ หากเป็นคดีอาญาแผ่นดินต้องดูจากอายุความ เช่น คดีอนาจาร มีโทษไม่เกิน 10 ปี แต่อายุความไม่เกิน 15 ปี ดังนั้นหากเหตุเกิดปี 2562 ถือว่ายังไม่ขาดอายุความ ต้องดูว่าหลักฐานจากผู้เสียหายที่มาแจ้งความเป็นความผิดอะไร หากหมดอายุความตามที่กล่าวมา ถือว่าหมดอายุความตามตัวบทกฎหมาย แต่เรื่องที่เป็นอาญาแผ่นดินต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

โฆษก บช.น.กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้เสียหายที่มาแจ้งใหม่ ทั้ง 9 คดี ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดูว่าเป็นความผิดใดบ้าง ส่วนเรื่องที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กังวลอาจมีผู้เสียหายบางรายมาแจ้งความเท็จ ขอให้ผู้ที่จะมาแจ้งไตร่ตรองให้ดี เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาแจ้งความเท็จ และอาจถูกคู่กรณีฟ้องที่ทำให้เกิดความเสียหายอีกด้วยส่วนหนึ่ง ยืนยันว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและตามกฎหมาย มอบหมาย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ควบคุมกำกับดูแลด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้โดยอิงจากพยานหลักฐานเป็นหลัก

มีรายงานว่า สรุปขณะนี้คดีที่เหยื่อแจ้งความตำรวจถูกนายปริญญ์ล่วงละเมิดทางเพศรวมทั้งสาวไฮโซรายล่าสุดที่เข้ามาแจ้งความมีทั้งหมด 15 คดี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาในเบื้องต้น พบเกิดในนครบาล 9 คดี เกิดในเขตพื้นที่ จ.เพชรบุรีและเชียงใหม่ 2 คดี เกิดนอกราชอาณาจักร 1 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาข้อกฎหมายประกอบข้อเท็จจริง 1 คดี และหมดอายุความแล้ว 2 คดี