“พิชัย” อัดรัฐประกาศเลิกอุ้มน้ำมันดีเซล เพิ่มภาระประชาชน แฉ หนี้สาธารณะดอกเบี้ยสูง 2.4-3 แสนล้านต่อปี “ธนกร” สวนกลับสคริปต์เก่าใช้วนไปวนมา ยันนายกฯ ห่วงราคาน้ำมันและเงินเฟ้อมาก
วันที่ 18 เม.ย. 2565 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 จะเลิกอุ้มราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่า 30 บาท โดยจะออกให้บางส่วนแทน โดยอ้างว่าเป็น 1 ใน 10 มาตรการช่วยเหลือ แต่ที่จริงเป็นการเพิ่มภาระค่าครองชีพของประชาชนมากกว่าจะลดภาระ
นายพิชัย ระบุต่อไปว่า การปล่อยราคาน้ำมันดีเซลให้ทะลุเกิน 30 บาท จะทำให้เงินเฟ้อของไทยที่สูงอยู่แล้วยิ่งสูงมากขึ้น หากเงินเฟ้อของไทยพุ่งสูงมาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามทิศทางของดอกเบี้ยโลกที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีกเร็วๆ นี้ จะทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับภาระ
...
ทั้งนี้ คนไทยส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบว่าการที่รัฐบาลกู้เงินจำนวนมากจนหนี้สาธารณะจะพุ่งเกิน 10 ล้านล้านบาทแล้วนั้น ต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยอย่างมาก ยังไม่รวมถึงการชำระเงินต้น ปัจจุบันรัฐจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงปีละกว่า 240,000-300,000 ล้านบาท จากหนี้สาธารณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะต้องชะลอการปล่อยราคาดีเซลเกิน 30 บาท ออกไปก่อน เพื่อนำมาประคองราคาดีเซลให้นานเท่าที่ทำได้เพื่อชะลอเงินเฟ้อ
ในเวลาต่อมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้ ว่า เรื่องที่ นายพิชัย พูดเป็นสคริปต์เก่าที่ใช้วนไปวนมา ไม่มีอะไรใหม่ ส่วนใหญ่เป็นการมโนที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงเรื่องราคาน้ำมันและเงินเฟ้ออย่างมาก จากที่ได้กำชับไปก่อนหน้านี้และเฝ้าติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีความผันผวนตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564 ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศทุกชนิดขยับเพิ่มขึ้นตาม แต่รัฐบาลโดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกมาตรการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่ ต.ค. 2564
“แม้รัฐบาลจะประกาศปรับราคาน้ำมันดีเซลเกินกว่า 30 บาท/ลิตร ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาตลาดโลกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รัฐบาลก็เตรียมเข้าไปอุดหนุนราคาส่วนเพิ่ม 50% ถ้าราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศยังคงสูงกว่าราคาที่กำหนดไว้ เช่นเดียวกับราคาก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าที่มีมาตรการไว้แล้วเช่นกัน”
นายธนกร ระบุต่อไปว่า กระทรวงการคลัง และ ธปท. ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นตามสถานการณ์ราคาน้ำมันและจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการทางการคลังที่จะช่วยสร้างรายได้และบรรเทาภาระค่าครองชีพในกลุ่มเปราะบาง และจะทำทุกวิถีทางเพื่อพยุงเศรษฐกิจของประเทศภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงดังกล่าว