ฝ่ายค้านโต้ไร้น้ำยา “สุทิน” ข่มขวัญรัฐบาลจ่ออ่วมซมพิษวิกฤติศรัทธา มั่นใจมีไม้สองไม้สามมัดคอ รมต. มั่นใจ ส.ส.ไม่หลับหูหลับตายกมือโหวตผ่าน“จิรายุ” แย้มเตรียมฉายกลางสภาฯ หลังบ้าน รมต.ตั้งโต๊ะเรียกเก็บต๋ง “ธนกร” ปากกล้าท้าโชว์หลักฐานม้วนเดียวจบ อย่าดีแต่โม้รายวัน ปชป.ระส่ำ “ปริญญ์ เอฟเฟกต์” ไลน์ กก.บห.เดือดบี้ “อู๊ดด้า” รับผิดชอบผลักดันอดีตรอง หน.พรรคฉาว “มัลลิกา” โดดป้อง หน.เหน็บกลับคนในพรรคเป็นกิ๊ก เล่นชู้ ต้องสอบจริยธรรมด้วยไหม กลุ่มไลน์ ส.ส.ร้อนฉ่า ผวาคดีโฉ่ ดึงภาพลักษณ์พรรคดิ่งหนัก ฉุดคนทำพื้นที่-ทีมหาเสียง กทม.กระอัก “บุญเลิศ” จี้ผู้บริหารขอโทษประชาชน “ชวน” เตือนสติอย่าหนีปัญหา “เทพไท” ทุบเป็นบทเรียนต้องรอบคอบคัดสรรคนขึ้นตำแหน่ง “จุรินทร์” อ้อมแอ้มให้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ความจริง
หลังจากฝ่ายรัฐบาลดาหน้าออกมาประเมินว่าพรรคฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลเป็นหมัดเด็ดที่จะน็อกรัฐบาลได้ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น ตัวแทนพรรคเพื่อไทยได้ออกมาโต้แย้งว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีข้อมูลแน่นเพียงพอที่จะมัดให้รัฐมนตรีดิ้นไม่หลุด โดยรัฐบาลจะต้องเผชิญกับวิกฤติศรัทธา
...
“สุทิน” ขยี้ รบ.ซมพิษวิกฤติศรัทธา
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความพร้อมในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านครั้งต่อไปคงได้ข้อสรุปถึงขั้นกำหนดวันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ในฐานะประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ประสานพรรคร่วมทุกวัน ดูข้อมูลประเด็น ยืนยันพร้อมเต็มที่ คิดว่าวันที่ 26 เม.ย. คงรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ได้ มีข้อมูลแน่นแน่นอน จะเด็ดหรือไม่เด็ดอยู่ที่คนฟัง จะล้มรัฐบาลได้หรือไม่ การล้มด้วยมือตนไม่แน่ใจ แต่ถ้าล้มด้วยศรัทธาประชาชน คิดว่ารัฐบาลเจอวิกฤติศรัทธาแน่นอน ครั้งนี้จะชัดเจนเกี่ยวกับความทุกข์ยากของประชาชน และความคลอนแคลนสถานะการเงินของประเทศไม่ได้เกิดจากสถานการณ์โลก แต่เกิดผิดพลาดจากการบริหาร ซ้ำด้วยการทุจริต ทุกคนเห็นตรงกันจะไม่ใช้ผู้อภิปรายเยอะ มุ่งประเด็นไม่เยอะแต่คมชัดแจ่มแจ้งลงลึก แต่ละประเด็นอาจมีไม้หนึ่งไม้สองไม้สามตามขยี้รัฐมนตรีที่ตอบมา ที่ผ่านมารัฐบาลชี้แจงไม่กระจ่างสักครั้งแต่ใช้มือมากเอาตัวรอดมากกว่า ครั้งนี้ใกล้เลือกตั้ง เชื่อว่าคนที่จะหลับหูหลับตายกมือให้ต้องคิดหนักกว่าเดิม เพราะประชาชนรอเลือกตั้ง รอพิพากษาอยู่
มั่นใจ ส.ส.ไม่หลับหูหลับตายกมือ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 26 เม.ย. พรรคร่วมฝ่ายค้านจะสรุปประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่แต่ละพรรคทำการบ้านมา จะอภิปรายรัฐมนตรีกี่คน วันยื่นอภิปราย สิ่งที่จะชัดเจนคือเนื้อหา และทิศทางว่าจะพุ่งเป้าไปที่ใคร ยืนยันรอบนี้ เรามีข้อมูลแน่นสามารถมัดรัฐมนตรีที่ประพฤติมิชอบได้อย่างแน่นอน และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเองต้องหนักใจหากจะยกมือให้ เชื่อว่า คงไม่มีใครกล้าหลับหูหลับตายกมือค้านความรู้สึกประชาชน เพราะการเลือกตั้งรออยู่ ประชาชนเขาจับตา คงไม่ปล่อยให้ ส.ส.ที่ไม่ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ประชาชนกลับเข้าสภาฯอีก
“จิรายุ” ปูดหลังบ้าน รมต.ตั้งโต๊ะเก็บต๋ง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ส่วนตัวพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากมีการรายงานการทุจริตจากประธานคณะกรรมาธิการซีกฝ่ายค้านและ ส.ส.ทุกฝ่ายค้านที่สรุปข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการทุจริตเกือบทุกกระทรวง มีรัฐมนตรีและเมียรัฐมนตรีลูกหลานรัฐมนตรีเข้าไปแบ่งผลประโยชน์ล็อกสเปกกันจำนวนมากในช่วงเทกระจาดปรายงบประมาณแผ่นดินปี 65 บางคนมูมมามกินไม่อายลูกอายหลาน ซีกฝ่ายค้านมีทั้งพยานหลักฐาน เอกสาร และบุคคลเป็นจำนวนมาก ตนเป็น ส.ส.มา 10 กว่าปีไม่เคยเห็นยุคไหนทุจริตโกงกินตั้งแต่หน้าประตูยันหลังบ้านเช่นนี้มาก่อน รัฐมนตรีบางคนปล่อยให้หลังบ้านและคนใกล้ชิดตั้งโต๊ะเรียกเก็บต๋งจนนักธุรกิจส่ายหน้า นำข้อมูลมาให้ฝ่ายค้านจำนวนมาก ที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสันข้อมูลเหล่านี้พรรคเพื่อไทยจะนำมาแฉกลางสภาฯแน่นอน แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาซักฟอกขอเก็บข้อมูลไว้ก่อน ฝ่ายค้านขอเตือนรัฐบาลช้างตายทั้งตัวใบบัวปิดไม่มิด อย่าพยายามเอามือปิดฟ้า วิ่งล็อบบี้อย่างไรก็ไม่สามารถปิดมิด
“ธนกร” ท้าโชว์หลักฐานม้วนเดียวจบ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะใช้ผู้อภิปรายไม่มาก เน้นคุณภาพยก 5 ต้องน็อกเอาต์แล้วว่า ก่อนฝ่ายค้านจะโม้ว่าจะน็อกรัฐบาลในยก 5 นั้น ช่วยสรุปวัน ผู้อภิปราย และประเด็นให้ลงตัวกันเองในฝ่ายค้านก่อนจะดีกว่า ไม่ใช่โม้รายวันว่ามีข้อมูลเด็ดแบบนั้นแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงมีแต่น้ำท่วมทุ่ง ทั้งนี้ หากหาข้อมูลอภิปรายไม่ได้ก็ควรทำใจยอมรับความจริง ไม่ใช่สติแตก โหมโรงหลอกชาวบ้านไปวันๆ
ท่องคาถา รบ.ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมชี้แจงฝ่ายค้านต่อสภาฯ ในทุกประเด็น และตนเห็นด้วยที่ฝ่ายค้านจะใช้จำนวนผู้อภิปรายไม่มาก ควรจะหันมาเน้นคุณภาพบ้าง เพราะหากข้อมูลหรือเนื้อหาการอภิปรายมีคุณภาพจริงๆ ก็ใช้ผู้อภิปรายแค่ 2-3 คนก็พอ ไม่ใช่อ้างว่าส่งไม้ต่อกันไปเรื่อยๆ งัดหลักฐานที่ว่าเด็ดออกมาโชว์ได้เลย หากพบว่ามีความผิดปกติจริง นายกฯ ไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้พูดอะไรแค่เอามัน ที่บอกว่ารอบนี้ยก 5 จะน็อกรัฐบาลนั้น ดีไม่ดีฝ่ายค้านเองที่จะยืนระยะไม่ถึงยก 3 ด้วยซ้ำ ถ้าหากการอภิปรายยังเป็นแบบเดิมๆ เพราะประชาชนคงรับไม่ได้ และจะไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านเสียเองในที่สุด” นายธนกรกล่าว
“จุรินทร์” เคารพฝ่ายค้านเลื่อนญัตติ
ที่สนามบินดอนเมือง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ และ รมว. พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านเลื่อนการยื่นญัตติการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปว่า ไม่สามารถตอบได้ถึงสาเหตุที่เลื่อน เพราะก่อนหน้านี้ประกาศว่า จะยื่นทันทีที่จะเปิดสภาฯ ทั้งหมดอยู่ที่ฝ่ายค้านพร้อมแค่ไหน รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกคน การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกลไกหนึ่งในการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ต้องเคารพกัน
ไลน์ ปชป.เดือดบี้ “อู๊ดด้า” รับผิดชอบ
อีกเรื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า จากกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัยและ ผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ ถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีล่วงละเมิดทางเพศ จนต้องลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคแล้ว ได้มีการพูดคุยภายในกลุ่มไลน์ของคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคที่มีสมาชิกรวม 36 คน โดยนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคได้นำข้อความที่นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบจริยธรรมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ทั้งชุด ที่ยอมรับและสนับสนุนให้นายปริญญ์เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรค โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้โพสต์ข้อความในเชิงตั้งคำถามว่า “แปลว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยครับ” ขณะที่นางศรีสมรตอบว่า “ไม่มีความเห็นค่ะ ท่าน”
“มัลลิกา” ป้อง หน.เหน็บ “กิ๊ก-ชู้” มั่วซั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนางมัลลิกา บุญมีตระกูล คนสนิทของนายจุรินทร์ ได้โพสต์ข้อความสวนขึ้นมา ลักษณะเปิดประเด็นเหน็บแนมคนในพรรคอย่างดุเดือดว่า “พฤติกรรมของคนหนึ่งคน ควรถูกสอบจริยธรรมทั้งกรรมการบริหารพรรครึ? แปลว่าอยากอะไร? อยากเปลี่ยนหัวหน้าพรรค? อยากเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคหรืออยากอะไร? เรื่องนี้เป็นกระบวนการหรือเปล่า ในฐานะหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค 39 คน เรื่องของปริญญ์ยังไม่รู้เลยว่า “ผิด ถูก” เป็นอย่างไร แต่ถ้าเทียบกัน!! เรื่องที่คนรู้กันทั้งพรรคว่า คนคนหนึ่งเป็น “ชู้” ของเมียคนอื่นมานานนม!! แบบนี้ต้องสอบจริยธรรมไหม หรือพวกที่ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็น “กิ๊ก” ของผัวคนอื่น หรือพวกที่เอาเสื้อไปแขวนไว้บนรถของผัวคนอื่นเพื่อไปงานด้วยกัน ...หรือให้ผัวคนอื่นขับรถไปรับถึงบ้านตนเอง แบบนี้เรียกว่า ต้องสอบจริยธรรมไหม?....หรือคนบางคนเป็น “ชู้” ของผัวคนอื่นมานานจนถึงขั้นสุด “รู้กันทั้งบาง” มาวันหนึ่งเปลี่ยนทางจากผัวของอีกคน มาเป็นผัวของอีกคน!! แล้วคนคนนั้นเป็น ส.ส.ในสภาด้วย!! แบบนี้ เราต้องสอบจริยธรรมไหม???? ใครจะสอบ!!!! ถ้าต้องตั้งกรรมการ มาสอบจริยธรรมกรรมการบริหารพรรค ตั้งเลย!! สอบตั้งแต่กรรมการเนี่ยแหละ” หลังจากโพสต์ข้อความนี้ในกลุ่ม กก.บห.พรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏว่าในห้องดังกล่าวเงียบ
ปมฉาวป่วนระส่ำคนทำพื้นที่กระอัก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ในไลน์กลุ่มชื่อ “อดีต ส.ส.และ ส.ส.ประชาธิปัตย์” ที่มีสมาชิกในห้องรวม 155 คน ได้มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยโพสต์ข้อความว่า “ขออนุญาตนะครับ เรื่องที่เป็นข่าวฉาวในขณะนี้กระทบคนที่ทำงานที่พื้นที่อย่างหนัก ผมเชื่อว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.จะยิ่งหนักกว่า หนักที่สุดคือชื่อเสียงของพรรคเรา ที่อีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ผมขอให้ผู้บริหารมีท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ ที่จะสร้างความมั่นใจกับสังคมว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เพิกเฉย ดูดายหรือเกียร์ว่างกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ ขออนุญาตที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา” หลังจากนั้นไม่มีสมาชิกพรรคหรือผู้บริหารพรรคตอบแต่อย่างใด โดยนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุตอบว่า “ปัญหาต่างๆที่ไม่จบ เพราะไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอย่างตรงไปตรงมาเห็นใจคนลงพื้นที่ค่ะ”
ผวาฉุดพรรคดิ่ง “ชวน” ติงอย่าหนีปัญหา
ขณะที่นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทราโพสต์ต่อว่า “น่าเสียดายเหตุการณ์นี้ไม่น่ามาซ้ำเติมพรรคให้ตกต่ำลงไปในสายตาประชาชนเลย สงสารพี่เอ้ (นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์) บรรดาผู้สมัครส.ก.ทุกคน ถ้าฝ่ายบริหารไม่สืบสวนความจริง และออกมาขอโทษประชาชนในเรื่องนี้ จะกระทบภาพลักษณ์ของพรรคในอนาคตอีกด้วยครับ” จากนั้นนายชวนหลีกภัย ในฐานะผู้อาวุโสสุดในห้องไลน์กลุ่มดังกล่าวได้โพสต์ข้อความสั้นๆว่า “อย่ากลัวปัญหา เมื่อมีปัญหาก็อย่าหนีปัญหา” โดยหลังจากที่นายชวนโพสต์ข้อความนี้ก็ไม่มีการพูดคุยถึงประเด็นนี้ต่ออีก
ลูกพรรคเซ็ง หน.ดันทุรังอุ้มคนมีตำหนิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีกระแสความเคลื่อนไหวและการพูดคุยซุบซิบกันในหมู่ ส.ส.และอดีต ส.ส.พรรคถึงกรณีนายปริญญ์ว่า นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคในฐานะผู้เสนอชื่อนายปริญญ์เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคทีมเศรษฐกิจทันสมัย ท่ามกลางเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ส.ส.หลายคนที่รู้ประวัตินายปริญญ์ เคยทักท้วงคัดค้าน เพราะไม่เคยผ่านงานการเมือง ไม่เคยเป็น ส.ส.หรืออดีตผู้สมัคร ส.ส. แต่นายจุรินทร์กลับยืนยันเสนอชื่อนายปริญญ์ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคทีมเศรษฐกิจทันสมัย เพื่อต้องการสร้างภาพให้เห็นว่าดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นทีมอะเวนเจอร์ โดยขณะนั้นนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่กลับถูกมองข้ามหัวไป จนทำให้นายกรณ์ลาออกจากสมาชิกพรรคและไปตั้งพรรคกล้า
“เทพไท” ให้เป็นบทเรียนต้องรอบคอบ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นความผิดส่วนตัวและไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องกับพรรค แต่มีคนบางกลุ่ม สื่อบางสำนัก ใช้สื่อโซเชียลปั่นกระแสพยายามพุ่งเป้าโจมตีทำลายพรรค ปชป.เป็นหลัก ไม่เป็นธรรมต่อพรรคเป็นอย่างยิ่ง กรณีมีสื่อบางสำนักเสนอข่าวแชตหลุดว่ามีผู้บริหารพรรคและคนในพรรค ปชป.ให้กำลังใจนายปริญญ์ในเรื่องนี้ ไม่เป็นความจริง มีแต่สนับสนุนให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปรากฏการณ์นายปริญญ์จะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของพรรคในการคัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง กก.บห.พรรคเป็นศูนย์กลางอำนาจของพรรคให้รอบคอบรัดกุมมากกว่านี้ ในอดีตบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่งกก.บห.พรรคต้องเป็นสมาชิกพรรค ทำงานกับพรรคยาวนานพอสมควร เป็น ส.ส.หลายสมัย แต่นายปริญญ์นับว่ากรณีพิเศษ เป็นรองหัวหน้าพรรคโดยไม่ผ่านการเป็น ส.ส.หรือผู้บริหารพรรคหรือตำแหน่งอื่นมาก่อน ทำให้ไม่สามารถพิสูจน์จุดยืน แนวความคิดหรือประวัติส่วนตัวได้ชัดเจน ย่อมกระทบต่อขวัญกำลังใจของสมาชิกพรรคทั่วประเทศและชื่อเสียงของพรรคอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ขอให้เชื่อมั่นในความเป็นพรรค ปชป.ที่มีอุดมการณ์มั่นคง จุดยืนชัดเจน จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด ยึดความถูกต้องเป็นหลัก เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นที่ตั้งมายาวนานถึง 76 ปี
“จุรินทร์” โยนกระบวนยุติธรรมพิสูจน์
เมื่อเวลา 10.45 น.ที่สนามบินดอนเมือง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคทีมเศรษฐกิจทันสมัย ว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ไปชัดเจนแล้วเป็นไปตามนั้น คงจะไม่พูดซ้ำ ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้พิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับความเสียหาย
ไม่ตั้ง ผอ.ศูนย์ ลต.กทม.คนใหม่
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนตำแหน่ง ผอ.ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ของพรรคที่ว่าง พรรคยังมีรอง ผอ.เลือกตั้งอยู่แล้วถึง 9 ท่านจะเป็นผู้ทำหน้าที่ต่อไปได้ เมื่อถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง กทม. นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ขอประเมินเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้สมัครยังทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ และพรรคไม่สามารถเข้าไปช่วยหาเสียงอะไรได้ เพราะกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นบังคับไว้ว่าแม้จะส่งในนามพรรคก็ตาม พรรคไม่สามารถเข้าไปช่วยหาเสียงได้ โดยเฉพาะผู้มีตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งหัวหน้าพรรค และคนอื่นๆด้วย เพราะฉะนั้นขออนุญาตไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้มากไปกว่านี้ เพียงแต่ขอชี้แจงเท่านั้น
ย้ำจุดยืน ปชป.ไม่ปกป้องแทรกแซง
เมื่อถามว่าจากเหตุการณ์นี้จะส่งผลไปถึงในช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง กทม.หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้ถือความเห็นของผู้สมัครเป็นหลักผู้สมัครมีทีมงานและมีศูนย์อำนวยการเลือกตั้งจะดำเนินการอยู่แล้ว รอง ผอ.ทั้ง 9 คนทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถามย้ำถึงมีกระแสโจมตีภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์จากกรณีนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ขอพูดประเด็นที่มันจะเลยไปเรื่องการเมือง วันนึงคงจะมีข้อพิสูจน์ออกมามันเป็นอย่างไร “พรรคมีจุดยืนชัดเจน เรายังยืนยันเราไม่สนับสนุนเรื่องการคุกคามทางเพศและต่อต้านการคุกคามทางเพศ ทั้งการกระทำที่ใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและคนในครอบครัว แม้แต่กระทั่งเราต่อต้านการที่จะเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแห่งความแตกต่างระหว่างเพศ เรายึดมั่นตลอดมา สิ่งเหล่านี้จะพิสูจน์จุดยืนพรรคในระยะยาวด้วย ที่ผ่านมาเราเดินหน้าไปตามนี้ อนาคตเรายังถือจุดยืนอันนี้ ส่วนจะเกิดปัญหาขึ้นมาบ้างในเส้นทางการเดินหน้าการทำงานก็เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พรรคยืนยันคือเราจะไม่เข้าไปปกป้องใคร จะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆเรื่องการดำเนินคดี ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจได้
ชง ป.ป.ช.สอบสมบัติ 3 ส.ส.ปชป.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือไปรษณีย์อีเอ็มเอสถึง ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง คือ 1.นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.65 ว่าที่ดินภ.บ.ท.5 ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้เป็นของภรรยา แต่ได้ขายไปแล้ว ตรวจสอบบัญชีที่นายชินวรณ์ยื่นไว้กรณีรับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 พบมีที่ดิน ภ.บ.ท.5 แจ้งไว้ 4 แปลง รวม 70 ไร่มูลค่า 2,980,000 บาท และมีบ้านอยู่บนที่ดินแปลงหนึ่งด้วย แจ้งมูลค่าไว้ 500,000 บาท เมื่อแจ้งว่าที่ดินดังกล่าวขายไปแล้ว จึงมีเหตุให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบที่ดินขายไปเมื่อใด ขายบ้านด้วยหรือไม่ รวมราคาเท่าใด ขายให้ใคร ส่งมอบการครอบครองอย่างไร เสียภาษีหรือไม่อย่างไร 2.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 เม.ย.65ว่าที่ดิน ภ.บ.ท.5 รวม 120 ไร่ มูลค่า 3.6 ล้านบาท ไม่มีอยู่แล้ว เป็นข้อมูลเก่าเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ตรวจสอบการยื่นบัญชีรับตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.62 ไม่พบ แต่ย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินที่เคยยื่นไว้หลายครั้งพบว่าที่ดิน ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวยื่นไว้กรณีรับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 22 ม.ค.51 แต่กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.54 ไม่พบ จึงมีเหตุให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าที่ดิน ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวที่ไม่มีอยู่ในบัญชีขายหรือโอนให้ใคร ราคาเท่าใด วิธีใด เสียภาษีหรือไม่
เทียบ “จักรพันธ์” ซ้ำรอยคดี “ปารีณา”
นายเรืองไกรกล่าวว่า 3.นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชป. ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.64 แจ้งที่ดิน ส.ป.ก.เลขที่ 513 ไม่ระบุที่ตั้งเนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 73 ตร.ว. ได้มาวันที่ 6 ธ.ค.50 มูลค่า 1 ล้านบาทและแจ้งมีรายได้จากการเลี้ยงสัตว์และขายไข่รวม 2 ปี ปีแรก รายได้รวม 1,100,000 บาท ปีที่ 2 รายได้ รวม 1,300,000 บาท การยังถือครองที่ดิน ส.ป.ก.หลังเป็น ส.ส.และมีรายได้ต่อปีเกินกว่าล้านบาท เทียบบรรทัดฐานกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.จึงมีเหตุให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ