คณะอนุฯ แก้หวยแพง เดินหน้า 3 โครงการด่วน แก้ปัญหาสลากเกินราคา ดึง 5 หน่วยงานรัฐ เฟ้นจัดสรรผู้ซื้อจองล่วงหน้า มั่นใจ ขจัดนอมินีออกจากระบบ ลุยรื้อโควตา เกลี่ยให้รายย่อยมีอาชีพ เล็ง เพิ่มโทษใช้กฎหมายฟอกเงิน 

วันที่ 11 เม.ย.ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา แถลงความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ว่า ตาม ที่คณะอนุกรรมการฯ ได้ทำงานคู่ขนานกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เราไม่ได้มากำกับดูแล แต่เรามาเป็นเพื่อนคู่คิดช่วยปิดจุดบอด เสริมจุดแกร่ง จนได้มา 3 แนวทางที่จะนำเสนอ คือ 1.โครงการสลาก 80 บาท จะจัดตั้งจุดจำหน่ายเป้าหมายกระจายทั่วประเทศ 77 จังหวัด จำนวน 1,000 จุดกระจาย โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ 2564 จนถึงปัจจุบัน ใน 2 จังหวัดนำร่อง คือ กทม.และนนทบุรี ปัจจุบัน 2 จังหวัด มี 80 จุดกระจาย และการทำงานต่อจากนี้จะเริ่มลงพื้นที่ระดับภูมิภาคเพื่อคัดกรองจุดกระจาย ตั้งเป้าแต่ละอำเภอ จะมี 1-2 จุดกระจาย โดยจะต้องแล้วเสร็จภายใน 16 มิ.ย.นี้

...

นายชาญกฤช กล่าวต่อว่า 2.โครงการเปิดลงทะเบียนผู้ซื้อจองสลากล่วงหน้า ปัจจุบันผู้ลงทะเบียนเดิมที่เป็นตัวแทนของสำนักงานสลากฯ จำนวน 1.6 แสนราย ที่มีการยืนยันสิทธิ 1.3 – 1.4 แสนราย และโครงการตั้งเป้าให้สิทธิเพิ่มเป็น 2 แสนราย จึงเปิดรับสมัครผู้สนใจให้ลงทะเบียนเมื่อเดือน ม.ค.โดยมีผู้ลงทะเบียนมาแล้ว 9 แสนราย แต่จะคัดกรองให้เหลือ 6 หมื่นราย โดยตรวจสอบคุณสมบัติและกลั่นกรองจาก 5 หน่วยงาน คือ 1.กรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบสัญชาติ อายุ ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน 2.กรมบัญชีกลาง เพื่อตรวจสอบสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทั้งส่วนกลางและภูมิภาคหรือไม่ 3.สำนักงานประกันสังคม จะตรวจสอบสถานะการเป็นลูกจ้างที่ทำงานให้จ้างนายจ้างในสถานประกอบการ 4.กองทุนการออมแห่งชาติ จะตรวจสอบการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการและการมีชื่อยู่ในประกันสังคม 5.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะตรวจสอบอาชีพจากการลงทะเบียนในโครงการรัฐ ยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นแก้สลากเกินราคานอมินี ไม่มีสิทธิได้รับโควตาจัดสรร

3.โครงการแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เริ่มจำหน่ายในวันที่ 16 มิ.ย.โดยขณะเริ่มทดลองระบบ และในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. คณะอนุฯมีหน้าที่นำข้อกฎหมายมาศึกษา เพื่อให้มั่นใจว่าการจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์จะถูกต้องตามกฎหมาย

นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า แนวทางการจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อสลาก 80 บาท ได้ อายุผู้ซื้อต้องไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หากถูกรางวัลสามารถรับเงินผ่านแอปฯเป๋าตังได้ทันที หรือขึ้นเงินได้ที่สำนักงานสลากฯได้โดยตรงเหมือนเดิม ส่วนสลากที่จะนำมาจำหน่ายในแพลตฟอร์มต้องมีตัวตน มีที่มาจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นพันธมิตรฯของสำนักสลากฯ และจากผู้มีสิทธิซื้อจองฯ หากอยากเพิ่มช่องทางจำหน่ายสลากบนออนไลน์ สามารถขึ้นทะเบียนกับสำนักงานสลากฯได้

นายชาญกฤช กล่าวว่า นอกจากนี้คณะอนุกรรมการฯ ยังทำงานคู่ขนานบริหารงานแบบ 360 องศา แบ่งแนวทางมาติดตามผลการปฏิบัติงาน แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ต้นทาง กลางทางและปลายทาง ต้นทางคณะอนุกรรมการฯ จะกำกับดูแลนโยบาย สำนักงานสลากฯ ต้องมีธรรมาภิบาล ไม่มีผลประโยชน์ในการจัดสรรโควตา ต้นทางจะดูคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ เสนอคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ กลางทาง ระยะเร่งด่วน ตั้งแต่นี้ไปถึง 16 มิ.ย.เป้าหมายหลัก คือ ขายสลากบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นอกจากศึกษากฎหมาย ต้องกำกับดูแลเพิ่มเติม สำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาอินเตอร์เน็ต กลุ่มเปราะบาง กลุ้มคนพิการ แฟลตฟอร์มจะตอบโจทย์หรือไม่ นอกจากนี้ยังเสนอให้รางวัลและโทษกับผู้แทนจำหน่ายไม่ว่าจะเป็นโควตาหรือผู้ซื้อจองล่วงหน้า หากดีอาจเพิ่มจำนวนเล่มให้ เช่น จาก 5 เล่ม อาจเพิ่มเป็น 10-15 เล่ม หรือ เรียกว่าไวท์ลิสต์ ส่วนใครที่สุ่มเสี่ยงทำให้สลากเกินราคาจะขึ้นแบล็กลิสต์ พร้อมกันนี้จะผลักดันให้มีส่วนร่วมของประชาชนว่าการซื้อสลากเกินราคานั้นผิดกฎหมาย เปิดช่องทางให้มีการร้องเรียน ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการศึกษา

นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า จากนั้นระยะกลางทาง 3-6 เดือนต่อจากนี้ คณะอนุกรรมการฯ จะศึกษาความเหมาะสมถึงสัดส่วนการจัดสรรโควตาและการกระจายสลากว่าปัจจุบันระบบโควตาร้อยละ 31ระบบซื้อจองร้อย 69 ซึ่ง 2 ตัวเลขนี้มีความเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ จำเป็นต้องลดสัดส่วนโควตาหรือไม่ ที่ประกอบไปด้วย สมาคม องค์กร มูลนิธิ ซึ่งปัจจุบันมีพันธมิตรมากกว่า 800 องค์กรในระบบโควตา มีองค์กรหรือมูลนิธิใดหลักลอยอยู่ ยังไม่ใช่องค์กรการกุศลอย่างแท้จริง จะมาศึกษาส่วนนี้เพื่อนำไปเพิ่มสัดส่วนให้ผู้ซื้อจองล่วงหน้า ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 69 จะทำให้ประชาชนไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ เข้ามาขายสลากเป็นอาชีพหลักได้ จะผลักดันมให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ค้า เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่าสลากฯที่ได้รับมาจากผู้ค้ารายใด ส่วนระยะปลายทาง เราจะศึกษามาตรการทางแพ่งเพิ่มบทลงโทษและมาตรการอาญา รวมมาตรการทางกฎหมายอื่นๆ เช่น มาตารการทางภาษี มาตรการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมกำหนดกรอบระยะเวลาในการทำงานเพื่อให้ได้ผลการศึกษาและแนวทางตลอดจนมาตรการไม่เกิน 6 เดือน