- "ผิดจริยธรรมร้ายแรง" ถูกตัดสิทธิ์เล่นการเมืองตลอดชีวิต เหมือน "ประหารชีวิตทางการเมือง" เอาเข้าจริง คิดว่า โทษรุนแรงเกินไปหรือไม่
- ยืนยัน กลไกตาม รธน.ปี 60 ผ่านการลงประชามติแล้ว มันถูกวางไว้แบบนี้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาทุจริต ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมมของบ้านเมืองเรามาช้านาน
- "กูรู" ฟันธง! อนาคต "ธนาธร" คดีรุกป่า! กับโทษ "เพิกถอนเลือกตั้งตลอดชีวิต" เหมือนถูกประหารชีวิตทางการเมือง ที่ "ปารีณา" โดน มีสิทธิ์จะเจอกับตัวเองไหม
หากพูดถึงการเมืองในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องหนึ่งที่ถือว่า เป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนคนที่ติดตามการเมืองนั่นคือกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลฎีกาตัดสิน ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีบุกรุกที่ ส.ป.ก. จนต้องพ้นจาก ตำแหน่ง ส.ส. และถูกเพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี (นับเป็นส.ส.คนแรก ที่ถูกลงโทษ ปมความผิดจริยธรรมร้ายแรง ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือ ที่เรียกกันว่าเป็นฉบับปราบโกง)
...
แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เมื่อ “เอ๋ ปารีณา” ยังมีลุ้น 20 เม.ย.นี้ อัยการรับหรือไม่รับ คำร้องขอความเป็นธรรม ค้านข้อหารุกป่าฯ ก็ต้องลุ้นกันต่อไป
แต่ที่ดู "ดราม่า" เรียกคะแนนสงสาร ได้ไม่น้อย เมื่อ น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ด้วยเสียงสั่นเครือ หลังทราบคำตัดสินของศาล เมื่อ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า
“ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยังไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือน คนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภา ให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว”
ก่อนที่ วันต่อมา (8 เม.ย.) เจ้าตัวจะโพสต์เฟซบุ๊ก เหมือนทำใจได้ระดับหนึ่ง ว่า "ปิดฉาก บนถนนการเมือง เกือบ 20 ปี ถูกพิพากษา ผิดร้ายแรงถูกประหารชีวิต (ทางการเมือง) ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอยึดมั่นอุดมการณ์ต่อไป แล้วเราจะได้พบกันอีก นอกสภา"
คงต้องรอว่า "เอ๋ ปารีณา" จะกลับมาได้เมื่อไหร่?
ขณะ "อาฟเตอร์ช็อก" ต่อไป กำลังเป็นที่สนใจเหล่าคอการเมือง คือ มีการพูดกันว่า โทษตัดสิทธิ์เล่นการเมืองตลอดชีวิตนั้น เอาจริงถือว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่ เพราะมองไปในอนาคต ต้องยอมรับว่า ยังมีอีกหลายคดีของนักการเมือง ที่มีลักษณะคล้ายคลึง หรือ อาจมีความใกล้เคียง เพราะบุกรุกป่าเหมือนกัน
แน่นอนหนึ่งในนั้น เป็นใครไปไม่ได้! คดี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณแม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดย แม่ของธนาธร อัดคลิป เปิดใจ ออกสื่อฯ เมื่อ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังโดนยึดที่ดิน รุกป่าสงวนฯ กว่า 2 พันไร่ ที่ จ.ราชบุรี โดยยืนยัน ว่า ซื้อที่ดินมาถูกต้องตามกฎหมาย จากบริษัทเอกชนใหญ่ โดยที่มีอดีตนักการเมืองดัง แนะนำให้ซื้อ
มองไปข้างหน้า คดีแม่ธนาธร ผลสุดท้ายแล้ว จะต้องเจอกับอะไร โดยเฉพาะตัวของ นายธนาธร เอง ที่มีรายชื่อเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย งานนี้ มีความเหมือนและความต่าง เทียบกับคดีของ “น.ส.ปารีณา” ที่ถูกศาลตัดสินให้เพิกถอนสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต อย่างไร
เรื่องนี้ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ให้เกียรติสัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ ไขข้องข้องใจ ในทุกแง่มุม
โทษ "เอ๋ ปารีณา" ถูกตัดสิทธิ์เล่นการเมืองตลอดชีวิต มองแล้วรุนแรงเกินไปไหม?
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ต้องเรียนอย่างนี้ว่า กลไกการจัดวางกรณี "ผิดจริยธรรมร้ายแรง" ไว้ในรัฐธรรมนูญ มันเป็นกลไกที่ผ่านการพิจารณาโดยประชาชน และมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว อันนั้นคืออันที่หนึ่ง ส่วนอันที่สอง ก็คือว่า ประชาชนได้พิจารณาตอนที่เป็นร่างฯ เพื่อมาเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับ ปี 2560 แล้ว ประชาชนก็ได้ไปลงประชามติ ให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านออกมา
เรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องที่อ้างได้ว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนดู เพราะว่า รธน.ฉบับนี้ เอาละ แม้ว่า คนจะบอกว่าโฆษณาชวนเชื่อ ใช้ไม่ได้จริง อะไรก็ตามที่จะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่เนื่องจาก ผู้ยกร่างฯ มุ่งหวัง ที่จะให้มีประสิทธิภาพแก้ปัญหาเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ เรื่องโกงกินอะไรพวกนี้ ก็เลยมีการพูดเรื่องนี้ค่อนข้างมากจนเป็นที่ รับรู้ เรื่องที่พูดก็คือ บรรดานักการเมืองทั้งหลาย หากว่า ทำอะไรไม่เหมาะสม จะขาดคุณสมบัติในการจะดำรงตำแหน่งทางการเมือง
"ก็ที่สื่อต่างๆ ไปลงข่าวกัน ว่า มีการ "ประหารชีวิตทางการเมือง" ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่จริงก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ว่าพื้นฐานทำอย่างไร ให้คนที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง แต่ข้อเท็จจริง มันก็แล้วแต่ศาลพิจารณาถูกไหมครับ ด้วยความเคารพ เราก็ต้องเชื่อ และไว้วางใจในศาลฎีกา ท่านได้พิจารณาบรรดาสิ่งที่เป็นพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว ท่านจึงได้คำวินิจฉัย มีคำตัดสินออกมาแบบนี้ เห็นด้วย เห็นต่างได้ไม่เป็นไร แต่ว่าด้วยความเคารพ คือ ศาลท่านวินิจฉัยออกมาแบบนี้ มันก็ต้องยอมรับ
ฉะนั้น จะบอกว่าแรงไปไหม หรือ ไม่แรง ก็คือ กลไกมันถูกวางไว้แบบนี้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมมมาของบ้านเมืองเรา" รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
คดีอื่นลักษณะใกล้เคียง "ปารีณา" อย่างคดี "ธนาธร" มันมีความเสี่ยง ถูกตัดสินออกมาคล้ายกันได้ไหม?
รศ.ดร.เจษฎ์ ยอมรับว่า มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะโดยหลักการดำเนินการภายใต้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตีความกฎหมาย ถ้ามันข้อเท็จจริงเดียวกัน ที่มันเหมือนกัน มันก็ควรจะปรับข้อกฎหมายไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าข้อเท็จจริงต่างกัน ไม่เหมือนกัน อันนี้ก็อาจเป็นคนละเรื่อง เพราะอย่างไรก็ตาม ข้อกฎหมายมันก็ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ว่า ข้อเท็จจริงมันจะต้องถูกนำมาปรับให้เข้ากับข้อกฎหมาย ถ้ามันมีข้อเท็จจริงที่ไปในลักษณะเดียวกัน หรือถึงขนาดเหมือนกันเลย อย่างนี้ก็ต้องระวัง
"อยางกรณีนี้ คุณปารีณา ก็ได้ที่ดินแปลงดังกล่าว มาจากคุณพ่อ ซึ่งคุณธนาธรเอง ก็มีชื่ออยู่ในที่ดินของคุณแม่สมพร ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ ก็ต้องยอมรับว่า มีความเสี่ยงมาก แต่ก็ไม่ใช่แต่คุณธนาธร เท่านั้น ใครก็แล้วแต่ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เป็นตำแหน่งมีเกณฑ์กำหนด ในเรื่องของจริยธรรม ซึ่งค่อนข้างเข้มงวดในบรรดาเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ที่ รธน.กำหนด อันนี้ก็ต้องระวัง" ผศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว...
รศ.ดร.เจษฎ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า "คุณธนาธร" ตอนนี้ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอะไรเลย "ก็คงไม่โดน" ถ้าในแง่จริยธรรมร้ายแรง มันเป็นเฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ถ้าเป็นอย่างอื่น เช่น ถ้ามันเป็นเรื่อง มี ส.ป.ก. อยู่โดยมิชอบ หรือมันเป็นเรื่องของการรุกป่าสงวนฯ ที่ดินอุทยานแห่งชาติ ชาวบ้านธรรมดาๆ โดนกันเยอะแยะ ฉะนั้นอันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรง แต่ถ้าเขาไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มันก็ไม่โดนหรอก ไม่เข้าข่าย อันนี้เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
มีโอกาส "เอ๋ ปารีณา" จะโดนคดีอื่นตามมาอีก ใช่หรือไม่?
อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ก็ต้องบอกว่า "มีความเป็นไปได้" แล้วแต่ว่ามันไปถึงไหน จะมีใครจะตามไปยื่นเรื่องอะไรบ้าง สมมติ มีการยื่น ป.ป.ช. เรื่องทุจริตไปด้วย ถ้ามีการยื่นคดีอาญาไปด้วย มันก็อาจต่อตามกันเป็นลูกโซ่ อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า มีการดำเนินการสืบเนื่อง หรือว่า มีการขยายผลแค่ไหน ซึ่งต้องใช้คำว่า มีแนวโน้มจะมีความผิด มีโทษตามมา เพราะถ้าใช้เกณฑ์พิจารณาเดียวกัน แน่นอนก็มีโอกาสมาก
"ถามว่า ดูแล้วน่าสงสารไหม ความจริงใครที่ทำผิดแล้วโดนลงโทษ ถ้าดูน่าสงสารทั้งนั้นนะครับ แต่ว่าในแง่ของบริบท การกระทำที่มันเชื่อมโยงกับภาวะการณ์ของบ้านเมือง ที่เราต้องการจะได้คนที่เหมาะสม คนที่จะดูแลบ้านเมืองได้ และเป็น ตัวอย่างได้จริง อันนี้มันก็จะยกแง่ความสงสารมา ก็ลำบากนะครับ แต่ก็แน่นอน อย่างที่ผมบอก ใครทำผิดมา แล้วถูกลงโทษ มันก็น่าสงสารทุกคนแหละ" รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว...
ตอนนี้คงก็ต้องรอดูผลลัพธ์ ที่ตามมาว่า จะเกิดอะไรขึ้นสำหรับอนาคต ของคนทั้งคู่ ทั้ง "เอ๋ ปารีณา" และ "พ่อของฟ้า" อย่าง "ธนาธร"
หรือบางที อาจเป็นอย่างที่ ผศ.ดร.เจษฎ์ บอกเอาไว้ก็ได้ "ใครทำผิดแล้วโดนลงโทษ ก็น่าสงสารทั้งนั้น แต่สถานการณ์ เราต้องการได้คนเหมาะสมมาดูแลบ้านเมือง จะมองแง่สงสารอย่างเดียว ก็คงบริหารประเทศลำบาก"
หรือใครจะว่า...ไม่จริง!
ผู้เขียน: เดชจิวยี่
กราฟิก: Anon Chantanant