“ชัชชาติ” ตะลุยตลาดสำรวจปัญหาเศรษฐกิจปากท้องชาวกรุง ดันนโยบาย “ทำกรุงเทพฯให้ถูกลง” กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง “วิโรจน์” เร่งแก้ปมพัฒนาเมืองทำลายวิถีชุมชน “ศิธา” ควง “เจ๊” เดินตลาด อ.ต.ก. ชู “กองทุนคนตัวเล็ก” “อัศวิน” ล่องเรือขอเสียง เชื่อมต่อล้อ-ราง-เรือ “ดร.เอ้” โชว์วิสัยทัศน์กำจัดขยะ “พนิต” สุดทนฉะ “บิ๊กตู่” เอียงข้าง “บิ๊กวิน” ชัด เดือดทำตัวลับๆล่อๆ ทำลายบรรยากาศเลือกตั้ง “สุทิน” จี้ กกต.เบิ่งตามาดูบ้าง ชี้ธาตุแท้ “ผู้นำ” จ้องเอาเปรียบคนอื่น พปชร.โต้ฝ่ายค้านดีแต่ขัดแข้งขัดขา โพลย้ำกระแส พท.-ก้าวไกล นำ พปชร.

ท่ามกลางบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่คึกคักเป็นอย่างยิ่ง แต่หลายฝ่ายออกมาแสดงความเป็นห่วงการวางตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่แสดงท่าทีเอนเอียงเข้าข้างผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.บางคนอย่างชัดเจน

...

“ชัชชาติ” เดินสำรวจตลาด

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 2 เม.ย. ที่เขตจตุจักร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร เบอร์ 8 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาด อ.ต.ก. พบปะผู้ค้าและประชาชนที่เดินทางมาจ่ายตลาด พร้อมเปิดเวทีรับฟังปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาหลายด้าน อาทิ น้ำท่วมขังรอระบาย การจราจร และขนส่งมวลชน ตลอดจนปัญหาด้านเศรษฐกิจปากท้องที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน หลังการรับฟังความคิดเห็น นายชัชชาติกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ที่ กทม.ต้องมีบทบาทช่วยเหลือประชาชนในยามยากลำบาก ปัจจุบัน กทม.มีตลาดในการดูแลทั้งสิ้น 13 แห่ง รวมจำนวนแผงค้ากระจายในเขตต่างๆกว่า 20,000 แผง

เอาแน่ “ทำกรุงเทพฯให้ถูกลง”

นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.สามารถพัฒนาตลาดให้เป็นพื้นที่สร้างโอกาสทางการค้าให้คน กทม.ได้ เช่น ขยายเวลาเปิด-ปิดตลาด เปิดแผงค้าเพิ่มเติม ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก ตลอดจนพัฒนาแอปพลิเคชันส่งสินค้าถึงบ้านเพื่อลดภาระค่าเดินทางของผู้บริโภค นอกจากนี้ กทม.ยังสามารถลดค่าเช่าแผงค้าจนกว่าสภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าถูกลง เป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนต่อไป จะผลักดันให้เป็นนโยบาย “ทำกรุงเทพฯให้ถูกลง” เพื่อฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากนั้นไปเดินต่อที่เจเจมอลล์ ตลาดนัดจตุจักร และไปจบที่เท ฟลี มาร์เก็ต สวนหลวงสแควร์ เขตปทุมวัน เป็นตลาดที่ 5

“วิโรจน์” จี้แก้ปมพัฒนาเมือง

ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมกลุ่มนิสิตจุฬาฯพิทักษ์ศาลเจ้าแม่ทับทิม ร่วมลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาที่ดิน มีการไล่ที่ประชาชนและพยายามย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิมไปไว้สถานที่แห่งใหม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า การพัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงหัวใจและจิตวิญญาณของชุมชนด้วย ไม่ใช่เพียงตอบสนองผลประโยชน์ของทุนใหญ่ การพัฒนาที่ดินต้องไม่ละทิ้งรากเหง้า บริบทของชุมชน และพื้นที่ ตัวอย่างบทเรียนการพัฒนาเมืองที่ล้มเหลวในอดีต เช่น ป้อมมหากาฬ ที่ปลายทางของการพัฒนากลายเป็นเพียงสนามหญ้า แทบไม่มีการใช้งาน ไม่ได้ยึดโยงกับประวัติศาสตร์และผู้คน ในหลายเมืองทั่วประเทศสามารถนำเอาสถาปัตยกรรมอาคารดั้งเดิมมาปรับปรุงพัฒนา โดยคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าของชุมชนไว้ เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนไปพร้อมกัน

“ศิธา” ควง “เจ๊” เดินตลาด อ.ต.ก.

ที่ตลาด อ.ต.ก. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นำ น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 11 นายวิศาล กองเงิน ผู้สมัคร ส.ก. พรรคไทยสร้างไทย เดินตลาด อ.ต.ก. พบปะผู้ค้า สอบถามปัญหาการค้าขายได้รับการตอบรับที่ดี น.ต.ศิธากล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยและทีมนโยบาย กทม.ของพรรค เตรียมกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก หรือ “กองทุนคนตัวเล็ก” เพื่อมอบเครดิตแก่ประชาชนที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนในการทำมาหากิน จนต้องไปพึ่งพิงหนี้นอกระบบ และกองทุนนี้จะเป็นเครดิตที่มอบให้ติดตัว สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน กู้ได้ตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะช่วยสร้างพลังและปลดปล่อยคนไทยให้หลุดพ้นจากอุปสรรคทางการเงิน ทำให้คนตัวเล็กตั้งตัวได้ เงินส่วนนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สูญเปล่าเหมือนการแจกเงินแบบในปัจจุบัน ทำให้คนกรุงเทพฯลุกขึ้นมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด แข็งแรงที่สุดอีกครั้ง เราพร้อมจะทำให้เศรษฐกิจกรุงเทพฯดีขึ้นในทุกมิติ รวมถึงการจัดที่ทางสำหรับการค้าขายอย่างเป็นระบบ ทั้งในส่วนของแผงลอย ไปจนถึงผู้ประกอบการขนาดกลาง

“อัศวิน” ลงเรือขอคะแนนเสียง

วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 6 นำทีมงานลงพื้นที่ชุมชนวัดกระทุ่มเสือปลา เขตประเวศ และพบปะพูดคุยกับอิหม่ามประธานชุมชน มีแม่ค้าที่มารอให้กำลังใจบอกว่า อยากให้เป็นผู้ว่าฯต่อ จากนั้นเข้านมัสการพระครูโสภณ เจ้าอาวาสวัดกระทุ่มเสือปลา สักการะศาลเจ้าพ่อเสือ และลงเรือจากท่าวัดกระทุ่มเสือปลา คลองประเวศบุรีรมย์ มายังท่าน้ำวัดขจรศิริ ซอยอ่อนนุช 45 เพื่อดูโครงการคลองสวยน้ำใส พลิกฟื้นเรือโดยสารในคลองให้กลับมาเดินเรือได้อีกครั้ง เชื่อมการเดินทางล้อ-ราง-เรือ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกช่วยแก้ปัญหารถติดในถนนอ่อนนุช พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า คลองประเวศบุรีรมย์ปัจจุบันกลับมาสวยน้ำใสเหมือนเดิม หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯอีกครั้ง อยากพัฒนาให้มันดีขึ้นกว่าเดิม

“เอ้” โชว์วิสัยทัศน์กำจัดขยะ

ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในเทศกาล “หมุนเวียน/เปลี่ยนเมือง” ครั้งที่ 1 ตอน “ชอบจึงหมัก รักจึงปลูก” เรื่องการจัดการขยะของ กทม. ว่า ขยะใน กทม.ลดลงในสองปีที่ผ่านมา เพราะนักท่องเที่ยวลดลง แต่ยังมีขยะให้เราเห็นทั่วไป การจัดการขยะเป็นหน้าที่ของ กทม. ยังทำได้ไม่ดีเพราะเข้าไม่ถึง และเก็บไม่ถี่ กทม.มีตรอกซอกซอยเยอะ แต่รถขยะมีขนาดใหญ่ แนะนำให้ปรับใช้รถขยะมีหลายไซส์ เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ และเริ่มต้นใช้พลังงานสะอาด ส่วนเก็บไม่ถี่ เกิดจากเส้นทางการวิ่งของรถขยะไกลเกินไป เช่น ขยะจากตลาดราชวัตร เขตดุสิต ต้องไปทิ้งถึงสายไหม ต้องเพิ่มรถ และเพิ่มคน และ กทม.ควรสนับสนุนคนที่อยากทำการเกษตรในเมืองให้ยั่งยืน ทั้งเรื่องนำขยะหมักปุ๋ย และทำเกษตรอินทรีย์ กทม.ควรรับซื้อ เพื่อส่งให้ทั้งโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กให้เกิดการหมุนเวียนในชุมชน

“อุเทน” เน้นคน กทม.ปลอดภัย

ด้านนายอุเทน ชาติภิญโญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 17 กล่าวถึงการรณรงค์หาเสียงว่า เริ่มจากติดป้ายฝั่งธนบุรี ตลิ่งชัน บางกอกน้อย ก่อนกระจายไปฝั่งพระนคร เน้นตามตรอกซอกซอย ไม่กีดขวางเส้นทางจราจรใหญ่ ใช้ป้ายหาเสียงขนาดเล็ก 7 รูปแบบ 7 นโยบาย 7 แนวคิดที่ทำได้ทันที อาทิ นโยบายด้านความมั่นคงและความปลอดภัยชาว กทม. ต้องปรับเปลี่ยนระบบกล้องวงจรปิดใหม่ทั้ง กทม. ต้องเห็นหน้าเห็นตาแล้วรู้ว่าเป็นใครทันที ไม่ใช่กล้องวงจรปิดแบบปัจจุบัน การเลือกตั้งคราวนี้ ขอเชิญชวนชาว กทม.อย่าเชื่อภาพลักษณ์ลวงตาจงดูผลงานที่ทำมาในอดีต ไม่เช่นนั้นใครเข้าไปเป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานได้ ขอให้เลือกนักจัดการเข้าไปแก้ปัญหา ไม่ใช่เลือกนักบริหารที่สร้างภาพ เพราะที่สุดปัญหาของชาว กทม.จะไม่ได้รับการแก้ไข

“พนิต” ฉะ “บิ๊กตู่” เอียงข้างชัด

ขณะที่นายพนิต วิกิตเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “บิ๊กวิน” ในเงา “บิ๊กตู่”? เชื่อว่ามีคนตั้งคำถามถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ลงพื้นที่และให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แม้ระบุว่าไม่ได้เชียร์ใคร แต่คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินได้อ่านต่างตีความว่าหมายถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เพราะคำว่า “จะทำอะไรต่อ” มันสอดรับกับสโลแกนของ พล.ต.อ.อัศวินที่ว่า “กรุงเทพฯต้องไปต่อ” และเป็นภารกิจที่ไม่ได้อยู่ในกำหนดการ การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกฯคงไม่แปลกอะไร หากแต่การเลือกลงพื้นที่คลองโอ่งอ่างในวันเดียวกับที่รับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.วันแรก ยิ่งทำให้คนปักใจเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังช่วยหาเสียงทางอ้อม เพราะ พล.ต.อ.อัศวินใช้เรื่องนี้มาเป็นผลงานหาเสียงอยู่

เดือด “ผู้นำ” ทำตัวลับๆล่อๆ

“เกิดเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่รับสมัคร จึงสร้างความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าจะจัดการเลือกตั้งได้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงหรือไม่ จะมีการใช้กลไกฝ่ายอำนาจมาเอื้อให้กับผู้สมัครคนใดเป็นพิเศษหรือไม่ ในเมื่อผู้นำยังทำตัวสองแง่สามง่าม ลับๆล่อๆ การที่ผู้มีอำนาจไม่ได้วางตัวเป็นอิสระตามหน้าที่ ย่อมสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่ผู้สมัครคนอื่น ทำแบบนี้ไม่เพียงทำลายบรรยากาศการเลือกตั้งที่คนกรุงรอมา 9 ปี แต่ยังทำให้รู้สึกว่ามีใครพยายามจะรักษาอำนาจของตัวเองไว้ ทำทุกอย่างให้คนจากฝ่ายตัวเองชนะ ทำกันแบบนี้ยิ่งตอกลิ่มให้การเลือกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตย พล.ต.อ.อัศวินจะสลัดภาพ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ออก ไม่แน่ใจว่าการที่ทำแบบนี้จะช่วยกระตุ้นคะแนนให้ พล.ต.อ.อัศวินได้จริงหรือไม่ อาจเป็นดาบ 2 คม ทำลายคะแนน พล.ต.อ.อัศวินด้วยซ้ำ เพราะคนกรุงไม่ชอบอะไรที่มันไม่แฟร์ ระวังคนจะไม่เอา พล.ต.อ.อัศวิน เพราะกลัวจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีภาพของการสืบทอดอำนาจ” นายพนิตระบุ

“สุทิน” บี้ กกต.เบิ่งตามาดูบ้าง

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากมองในแง่ดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สามารถลงพื้นที่ได้ทั่วประเทศ แต่ผิดปกติอยู่ว่าทำไมต้องลงพื้นที่ถี่ในช่วงนี้ ทำไมต้องแนะนำเรื่องการเลือกตั้งที่ไปสอดคล้องกับคำโฆษณาของผู้สมัครฯบางคนพอดี ไม่น่าเป็นเรื่องบังเอิญ สังคมได้ยินแล้วไม่สบายใจว่านายกฯมีเจตนาอะไร ขัดจริยธรรมความเป็นผู้นำชัดเจน เอาตำแหน่งนายกฯไปใช้ในทางไม่เหมาะสม อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้งได้ ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่รักษากติกาต้องมีความกล้าว่ากล่าวตักเตือนและลงโทษ การที่ พล.อ.ประยุทธ์เอาตัวเองเข้ามาพัวพันได้เสียในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นแบบนี้ ชวนให้คิดต่อไปการช่วงชิงอำนาจในการเลือกตั้งระดับชาติ มีหรือที่จะไม่เอาเปรียบพรรคอื่น

ชี้ธาตุแท้จ้องแต่จะเอาเปรียบ

นายสุทินกล่าวว่า แสดงให้เห็นธาตุแท้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พร้อมเอาเปรียบคนอื่นเพื่อให้ได้อำนาจมา อยากให้สังคมช่วยกันจับตาและให้สติดังๆ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอำนาจให้คุณให้โทษสูงกว่าใคร ดังนั้น ใครที่รู้สึกว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ไปยื่นร้องเอาผิดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตัดสินเป็นบรรทัดฐานต่อไป เมื่อถามว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาลส่งสมัครผู้ว่าฯ กทม.มากน้อยแค่ไหน นายสุทินตอบว่า ส่งผลให้กินแหนงแคลงใจกันแน่นอน แม้จะเป็นการแข่งขันกันก็ตาม แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็อยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก พูดไม่ได้ เพราะยังต้องเกาะบารมี พล.อ.ประยุทธ์อยู่

พปชร.ซัดฝ่ายค้านขัดแข้งขา

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรค พปชร. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่นายกฯจะไปลงพื้นที่พบปะประชาชน สัมผัสปัญหาที่แท้จริง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขมาตรการให้ตอบโจทย์ให้มากที่สุด เป็นหัวใจสำคัญของการบริหาร สะท้อนความใส่ใจและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา จนชาว กทม.สัมผัสได้จริงว่ากรุงเทพฯเปลี่ยนโฉมพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในหลายมิติ ฝ่ายการเมืองไม่ควรหวาดระแวง หรือสร้างเงื่อนไข เพื่อจำกัดสิทธิในการบริหารงานของผู้นำประเทศ ตรงกันข้ามควรสนับสนุนให้นายกฯลงพื้นที่ หากเห็นแก่ประโยชน์ประชาชน เหนือประโยชน์ทางการเมือง ฝ่ายค้านไม่ควรขัดแข้งขัดขา สร้างความเบื่อหน่ายแก่ประชาชน

พท.งงใจบัตร 2 ใบคนละเบอร์

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่เสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีมติให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต กับหมายเลขพรรคการเมือง ใช้เป็นคนละหมายเลข ถือเป็นการกลับไปตามใช้ระบบบัตรเลือกตั้งแบบปี 2550 ซึ่งเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าสร้างผลเสียมากมาย ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน อาจทำให้การลงคะแนนเสียงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง และมีโอกาสทำให้ลงคะแนนผิดโดยไม่ตั้งใจ แปลกใจที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากการเลือกตั้งปี 2550 การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแต่คนละเบอร์ ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์มากกว่า ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เกิดการสับสนน้อยที่สุดและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญ คือ ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่ให้ กกต.เปิดรับสมัคร ส.ส.เขตก่อน แต่ยังไม่ประกาศหมายเลขผู้สมัคร จากนั้นให้เปิดรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคจับเบอร์แล้วค่อยประกาศให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้ง 2 แบบ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

“บิ๊กน้อย–ผู้กอง” เดินสายพิจิตร

ที่ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย พร้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และนายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร ลงพื้นที่พบประชาชนรับทราบปัญหาผลกระทบจากโควิด พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า มารับฟังปัญหาทุกข์ร้อน เพื่อนำไปหาแนวทางประสานหน่วยงานภาครัฐแก้ปัญหาต่อไป ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า พรรคตระหนักและเข้าใจปัญหาของพี่น้องรากหญ้า ไม่นิ่งนอนใจจะเร่งช่วยเหลือโดยเร็ว จากนั้น พล.อ.วิชญ์ และ ร.อ.ธรรมนัสเดินทางไปร่วมเป็นประธานเปิดการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทยสนามแรก ที่สนามแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์แห่งประเทศไทย บึงสีไฟ ทั้งนี้วันที่ 4 เม.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. มีกำหนดการตรวจราชการ จ.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และพิจิตรด้วย

โพลย้ำ พท.–ก้าวไกลนำ พปชร.

วันเดียวกัน ซูเปอร์โพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 2,233 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-1 เม.ย. เรื่องทุกข์หนี้สินของประชาชนกับการเมืองที่ต้องแก้ไข พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 53.6 ระบุว่ามีทุกข์มากถึงมากที่สุด จากปัญหาหนี้สินในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติโควิดขณะนี้ ร้อยละ 24.2 บอกว่ามีทุกข์ปานกลาง และร้อยละ 22.2 มีทุกข์น้อยถึงไม่ทุกข์เลย กลุ่มที่มีทุกข์มากที่สุดคือเกษตรกร รองลงมาคือกลุ่มค้าขาย อาชีพอิสระ กลุ่มว่างงาน เกษียณอายุ กลุ่มนักศึกษา กลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มพนักงานเอกชน ทุกข์มากถึงมากที่สุดคือเรื่องปัญหาหนี้สิน ทั้งนี้ยังพบว่าประชาชนในภาคใต้เป็นทุกข์มากถึงมากที่สุด รองลงมาคือภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ และ กทม. ตามลำดับ จากผลวิเคราะห์พบว่าถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองใด อันดับ 1 เป็นพรรคเพื่อไทย 2.พรรคก้าวไกล 3.พรรคพลังประชารัฐ 4.พรรคประชาธิปัตย์ 5.พรรคสร้างอนาคตไทย 6. พรรคไทยสร้างไทย ตามด้วยภูมิใจไทย เสรีรวมไทย เศรษฐกิจไทย ไทยภักดี เป็นต้น

พปชร.เสริมทีมอดีตบิ๊กทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ ประจำปีครั้งที่ 1/2565 วันที่ 3 เม.ย. ที่ จ.นครราชสีมา มีวาระสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง มีรายงาน ข่าวว่าจะมีเลือก กก.บห.ใหม่ 4 คน คือ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อนุกรรมการฝ่ายหารายได้มูลนิธิ ป่ารอยต่อฯ และเป็นอดีตฝ่ายเสธ. พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่เคยถูกจับตาว่ามีบทบาทอยู่เบื้องหลังทางการเมืองในพื้นที่ภาคอีสานช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา จะได้รับมอบหมายดูแลภาคอีสานตอนบน นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค และนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นนายทะเบียนพรรค ตามที่ พล.อ.ประวิตรแต่งตั้งให้รักษาการก่อนหน้านี้