ถึงกับต้องงัดผลโพลออกมาสู้กันเลย กับประชุม ครม.นัดล่าสุด รับทราบผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล (ครบ 2 ปี 6 เดือน) โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.)

ที่สำรวจผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 5-18 ม.ค.2565

พบว่ามีความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล อยู่ในระดับ มาก-มากที่สุด 33.9% พึงพอใจระดับปานกลาง 40.9% พึงพอใจในระดับน้อย–น้อยที่สุด 18.9% และไม่พึงพอใจเลย 6.3%

ส่วนความพึงพอใจต่อนโยบายของรัฐบาล 5 อันดับแรก ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, เราชนะ, เยียวยาแรงงานในระบบและนอกระบบ และประกันรายได้เกษตรกร

ขณะที่มาตรการเยียวยา หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 อันดับแรก คือ โครงการคนละครึ่ง, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, เราชนะ, มาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟ และ ม.33 เรารักกัน

ด้านความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ พบว่า เชื่อมั่นในระดับ มาก-มากที่สุด 30.4% เชื่อมั่นระดับปานกลาง 39.7% เชื่อมั่นในระดับน้อย-น้อยที่สุด 21.3% และไม่เชื่อมั่นเลย 8.6%

และเรื่องความสุขของประชาชนในภาพรวม พบว่า มีความสุขในภาพรวมในระดับ มาก-มากที่สุด 53.1% มีความสุขระดับปานกลาง 37.3% มีความสุขในระดับน้อย-น้อยที่สุด 8.9% และไม่มีความสุขเลย 0.7%

เป็นผลสำรวจที่สวนทางกับโพลของสถาบันการศึกษาอื่น โดยเฉพาะนิด้าโพลโดยสิ้นเชิง

แต่บังเอิญว่าสำรวจมาตั้งแต่ 5-18 ม.ค. รัฐบาลเพิ่งจะนำออกมาหักล้าง หวังกลบกระแสโพลสำนักอื่น

ต้องให้ชาวบ้านไปคิดกันเอาเอง ว่าจะเชื่อมั่นโพลไหนระหว่าง นิด้าโพลกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ

เดี๋ยวฝ่ายค้านก็จะท้าทายอีกว่า ถ้ามั่นใจในผลของ โพล “อวยไส้แตก” สำนักงานสถิติฯ ก็น่าจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ วัดดวงกันไปเลย

...

เพราะคงไม่มีอะไรผิดพลาด ที่เราจะได้ระบบการเลือกตั้งใหม่ “บัตร 2 ใบ คนละเบอร์”

เบอร์พรรค และเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.คนละเบอร์กัน ตามที่ องคาพยพแก๊งทหารเฒ่า ก็ยอมรับกันโต้งๆว่า “ถ้าปล่อยให้ใช้เบอร์เดียวกัน แลนด์สไลด์มาแน่”

แล้วจะให้รัฐธรรมนูญ “เพื่อพวกเรา” เสียเปล่าไปได้ยังไง

ถึงแม้จะเป็นการสร้างความยุ่งยาก และความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน ก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่ต้องการกุมความได้เปรียบเอาไว้ทุกประตูก่อน

ซึ่งก็ตรงกับข้อสังเกตของ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” โฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ และอดีต กกต.

ที่ชี้ว่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คนละเบอร์นั้น มองไม่เห็นข้อดี เห็นแต่ข้อเสีย 5 ข้อ คือ 1.ประชาชนจดจำยาก สับสน 2.พรรคการเมือง หาเสียงยาก การสื่อสารถึงประชาชนทำได้ยาก และสิ้นเปลืองทรัพยากรมากกว่า

3.กกต.จัดการเลือกตั้งยาก มีโอกาสผิดพลาดมากกว่าต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งถึง 401 แบบ 4.กระทบต่อการจัดเลือกตั้งล่วงหน้า กกต.ต้องส่งบัตรไปนอกเขตและต่างประเทศ แห่งละ 401 แบบ และ 5.โอกาสที่การเลือกตั้งจะผิดพลาด ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนมีมากขึ้น

แล้วยิ่งเป็นการเลือกตั้งใหญ่ ต้องมาอยู่ในมือของ กกต.ยุคนี้ ที่ผู้คนยังกังขาในเรื่องความเที่ยงธรรม บริสุทธิ์ และยุติธรรม

ก็ขนาดเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.หลักสี่-จตุจักร ผ่านไป 2 เดือน ยังเพิ่งจะประกาศรับรองผล

แล้วนี่เลือกตั้งใหญ่ 400 เขต มันจะไม่ยิ่งโกลาหลหรือ.

เพลิงสุริยะ