เพื่อไทย สวน “บิ๊กตู่” ไม่มีความรู้ต้องหัดศึกษาข้อมูล อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ชี้ ประชาชนลำบาก บริหารล้มเหลว 7 ปี แนะ กลับไปอ่านข้อแนะนำทางเศรษฐกิจ “เพื่อไทย” ก่อนคนจะจนกันทั้งประเทศ

วันที่ 23 มี.ค. 65 นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ ได้ออกมาเตือนสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ประชาชนลำบากกันมาก ราคาข้าวของแพง ไฟฟ้า ก๊าซ น้ำมัน ราคาพุ่งและจะแพงมากขึ้น เงินเฟ้อจะยิ่งสูง พร้อมทั้งเสนอแนวทางปรับลดราคาไฟฟ้า ก๊าซ และน้ำมัน ให้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรมและทำได้จริง แทนที่พลเอกประยุทธ์จะนำไปศึกษาและนำแนวทางดังกล่าวไปปรับใช้ กลับทำพฤติกรรมเหมือนเดิม คือ ส่งคนที่ไม่มีความรู้ ขาดความเข้าใจมาตอบโต้แบบมั่วๆ ยิ่งทำให้พลเอกประยุทธ์หมดเครดิตที่แทบไม่เหลือแล้ว และขาดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นไปอีก น่าจะเป็นสาเหตุที่คนหาว่าโง่เพราะเหตุนี้ทำให้คนยิ่งเอือมระอาตามผลโพลสำรวจล่าสุด ที่ไม่เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์แล้วถึง 77.89% จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ศึกษาและเข้าใจปัญหาและความเป็นมาที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่จากข้อมูลทางราชการที่เป็นจริงและพิสูจน์ได้ดังนี้

...

การที่ พลเอกประยุทธ์ให้คนออกมาตอบโต้มั่ว บอกเศรษฐกิจไทยปี 2555 ในช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขยายตัวได้ถึง 7.2% มาจากประชานิยม ดังนั้นจึงอยากให้ความรู้ว่า รัฐบาลในขณะนั้นทำสำเร็จเพราะมีนโยบายหลายด้านออกมาพร้อมกัน ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มาก เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท นโยบายช่วยชาวนา บ้านหลังแรก รถคันแรกที่ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก ยกเว้นการเก็บกองทุนน้ำมันทำให้ราคานำ้มันเบนซินลดลงลิตรละ 7-8 บาท ลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% และเหลือ 20% ฯลฯ หาเสียงแล้วทำได้จริง ทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี มีเงินเต็มกระเป๋า ก็อยากย้อนกลับไปถามพลเอกประยุทธ์ว่า พลเอกประยุทธ์ใช้เงินมากกว่าประชานิยมมาก ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 20 ล้านล้านบาท ทำให้หนี้ประเทศพุ่งไป 10 ล้านล้านบาทแล้ว เหตุใดเศรษฐกิจไทยถึงไม่สามารถขยายตัวได้เท่าสมัยนั้น คนไทยกลับมีหนี้ท่วม โดยหนี้ครัวเรือนมากขึ้นไปถึง 15 ล้านล้านบาทแล้ว แสดงว่าพลเอกประยุทธ์ใช้งบประมาณไม่เป็น คิดเป็นแต่แจกเงิน บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวใช่หรือไม่ ทั้งที่ราคาน้ำมันในช่วง 7 ปี ลดลงอย่างมาก ยอดการนำเข้าลดลงถึงปีละ 5-6 แสนล้านบาทต่อปี (3-4% ของจีดีพี) แต่พลเอกประยุทธ์ยังไม่สามารถทำให้จีดีพีไทยโตได้เท่ากับราคาน้ำมันที่ลดลงเลย นี่ยังไม่พูดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐจำนวนมากที่พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ทำ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท เงินเดือนอาชีวะ 18,000 บาท ปริญญาตรีเดือนละ 20,000 บาท โครงการมารดาประชารัฐ เป็นต้น หาเสียงแล้วไม่ทำเลย

ทั้งนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและอยากขอให้เป็นบันทึกของประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยอยากจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าในปี 2556 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายได้ 4% หลังจากปี 2555 ขยายตัวได้สูงถึง 7.2% แต่เพราะมีการประท้วงของ กปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และเชื่อกันว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ คสช. และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ปิดบ้านปิดเมืองทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ถึงกับติดลบ ถึงเช่นนั้นเศรษฐกิจไทยในปี 2556 ก็ยังขยายได้ถึง 2.9% ถ้าไม่มีการประท้วงก็น่าจะถึง 4% เพราะครึ่งปีแรกของปี 2556 ยังขยายได้ 4.2% ต่อมาการประท้วงยังลามไปถึงต้นปี 2557 และพลเอกประยุทธ์ได้ทำการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และเป็นฝีมือของพลเอกประยุทธ์ที่บริหารแล้ว เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 0.8% ในปี 2557 และเศรษฐกิจไทยก็ย่ำแย่มาตลอดหลังจากนั้นเพราะขยายตัวได้ต่ำสุดและต่ำที่สุดในอาเซียนมาตลอด การลงทุนจากต่างประเทศหดหายไปเกือบหมด ปี 2558 ขยายได้ 2.8% ปี 2559 ขยายได้ 3.2% ปี 2560 ขยายได้ 3.9% และที่โม้ว่าปี 2561 ขยายได้ 4.1% ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี และเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกในปีนั้นดี เศรษฐกิจสหรัฐฯ บางไตรมาสในปีนั้นยังขยายได้ถึง 4.8% ซึ่งมากกว่าของไทยเสียอีก

พอหลังเลือกตั้งพลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง เศรษฐกิจไทยกลับยิ่งทรุดหนักในปี 2562 ก่อนมีวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดเศรษฐกิจไทยขยายได้เพียง 2.4% เท่านั้นที่ตำ่ที่สุดในรอบ 6 ปี โดยไตรมาส 4 ปี 2562 ขยายได้เพียง 1.6% เท่านั้น และปี 2563 เกิดวิกฤติไวรัสโควิดเศรษฐกิจไทยตกต่ำสุดและติดลบมากสุดที่ -6.2% และปี 2564 ฟื้นขึ้นมาได้แค่ 1.6% นี่เป็นความล้มเหลวอย่างชัดเจน ตัวเลขเศรษฐกิจไม่สามารถจะมาโกหกกันได้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำไมคนไทยถึงลำบาก รายได้ลด ตกงานกันมาก คนจนพุ่ง คนไทยต้องทุกข์ทรมานจากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ มาตลอด 7 ปี มาเจอวิกฤติไวรัสโควิดอีก 2 ปี และมาเจอสงครามรัสเซียยูเครนซึ่งหนักมาก ประเทศจะเจอปัญหาหลายด้าน ทั้งน้ำมันแพง ข้าวของแพง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ยังไม่มีแนวทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้เลย และอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้กลับไปอ่านทบทวนทุกเรื่องที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอซึ่งถูกต้องทั้งหมดมาตลอด ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างทางความรู้ความสามารถและแนวความคิดที่เหนือชั้นกว่ากันมาก

"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประชาชนทราบดีว่าใครโง่ใครฉลาด ใครเก่งหรือใครไม่เก่ง ใครบริหารประเทศได้ดีหรือใครบริหารล้มเหลว ผลงานทางเศรษฐกิจไม่สามารถจะใข้วาทกรรมมาบิดเบือนได้ เงินในกระเป๋าประชาชนเท่านั้นที่เป็นเครื่องตัดสิน ซึ่งพลเอกประยุทธ์พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง หมดเวลาของความล้มเหลวแล้วก่อนที่ประชาชนจะจนกันหมดทั้งประเทศไม่ใช่คนจนหมดไปตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้โม้กันไว้" นายพชร กล่าว.