ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลุย จ.อุทัยธานี วางแผนงานแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ เผย สาเหตุจังหวัด มีแหล่งน้ำต้นทุนไม่เพียงพอ ย้ำ ประชาชนต้องมี "น้ำกิน-น้ำใช้" ตลอดปี
วันที่ 21 มี.ค. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยมี ผวจ.อุทัยธานี กล่าวต้อนรับ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลาง และผู้แทนกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นำเสนอการบริหารจัดการน้ำแล้งด้วยระบบน้ำบาดาล พร้อมมอบถังน้ำให้กับนายอำเภอ 8 อำเภอ อีกทั้งเป็นประธานปล่อยแถวทีมดับไฟป่าและขบวนรถบรรทุกน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชน ณ หอประชุมอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
พลเอกประวิตร กล่าวว่า พื้นที่ จ.อุทัยธานี มีแหล่งน้ำต้นทุนไม่เพียงพอ การบริหารจัดการน้ำจึงต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ทำให้เป็นจังหวัด ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ซึ่งการให้ความช่วยเหลือจะเป็นลักษณะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืนได้ รัฐบาลมีความห่วงใยและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชน การลงพื้นที่วันนี้ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยให้ สทนช. ศึกษาและบูรณาการขับเคลื่อนแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลางในระยะยาว เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก ให้บูรณาการแผนงาน โครงการจัดหาแหล่งน้ำใต้ดินร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรอง สำหรับแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเชิงพื้นที่ในระยะเร่งด่วน และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งทำการสำรวจความเดือดร้อนพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนพื้นที่เสี่ยงประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมทั้งให้ จ.อุทัยธานี เร่งเสนอแผนงาน โครงการสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยใช้กลไกอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้ามาส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ด้วย อันจะเป็นการตอบสนองความต้องการใช้น้ำและแก้ไขปัญหาด้านน้ำได้อย่างตรงจุด
...
ด้าน ดร.สุรสีห์ เลขา สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.อุทัยธานี มีพื้นที่อยู่ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำสะแกกรัง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การรวมอยู่ที่ 88 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งในงบประมาณแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 65 มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ รวม 32 โครงการ ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บได้ 3.52 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 14,055 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 3,378 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับการป้องกันน้ำท่วม 95,000 ไร่ เช่น การก่อสร้างอาคารป้องกันตลิ่งคลองโพ อ.สว่างอารมณ์ และการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนสว่างอารมณ์
ระยะที่ 2 นอกจากนี้ สทนช. ได้วิเคราะห์ กลั่นกรองแผนงาน โครงการสำคัญของหน่วยงานต่างๆ ที่สามารถดำเนินการได้ในปี 66-67 รวม 4 โครงการ ซึ่งหากหน่วยงานดำเนินการการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บอ่างฯห้วยขุนแก้ว การเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บอ่างฯวังร่มเกล้า โครงการอ่างฯห้วยมอโค้ และการพัฒนาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ (RBF) จ.ชัยนาท และ จ.อุทัยธานี ได้ตามแผน จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บได้ 474.78 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 10,500 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 15,500 ครัวเรือน