เพื่อไทย ย้อน “บิ๊กตู่” ผลงาน 8 ปี ล้มเหลวทุกด้าน ชี้ 10 เรื่อง ผลงานชิ้นโบดำ หนี้มากสุด คนจนมากสุด คนเจ็บ-คนตายมากสุด จับคนเห็นต่างมากสุด แนะ ส่องกระจกก่อนพูด และปรับประเทศ เปลี่ยนผู้นำ

วันที่ 16 มี.ค. 65 นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อ้างว่า ทำงานมาเท่าไร อะไรสำเร็จมาบ้าง อีกทั้งยังท้าให้เทียบผลงาน 8 ปี 10 ปี จึงอยากให้ พลเอกประยุทธ์ ได้หันกลับไปมองผลงานที่ตนเองได้ทำไว้ ซึ่งมีแต่ความล้มเหลวทั้งนั้น โดยอยากจะนำตัวเลขเศรษฐกิจที่พิสูจน์ได้ชัดเจนมาชี้ให้พลเอกประยุทธ์ได้สำนึก โดย 8 ปีที่ผ่านมาเป็นความล้มเหลว หรือเป็นผลงานชิ้นโบดำของพลเอกประยุทธ์ อย่างปฏิเสธไม่ได้มี 10 เรื่องดังนี้

1. เศรษฐกิจไทย ขยายตัวได้ต่ำสุด โดยเศรษฐกิจไทยตลอด 8 ปี ขยายตัวโดยเฉลี่ยเพียง 1% กว่าๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นการขยายตัวเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดในทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเลย ทั้งๆ ที่พลเอกประยุทธ์ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล และใช้เงินมากที่สุด มากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา โดยใช้เงินงบประมาณไปแล้วมากกว่า 20 ล้านล้านบาท

2. หนี้ประเทศ หรือหนี้สาธารณะของไทยสูงสุด จะทะลุเกิน 10 ล้านล้านบาทในไม่ช้า สาเหตุมาจากการแจกเงินสะเปะสะปะใช้เงินแล้วเศรษฐกิจไม่ขยายตัว ใช้จ่ายเงินในงบทางการทหารที่เพิ่มมาตลอด และซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาก ซึ่งไม่ได้สร้างผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยเลย

3. หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดเกือบถึง 15 ล้านล้านบาทแล้ว เพราะครัวเรือนไม่มีรายได้จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำมาตลอด ประชาชนจึงต้องสร้างหนี้กันมากขึ้น ทั้งนี้ยังไม่รวมหนี้นอกระบบที่สูงขึ้นมากด้วย

...

4. หนี้เสี่ยงจะเสียสูงที่สุด ถึง 2 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมหนี้เสี่ยงจะเสียในธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งหากรวมจะยิ่งทำให้หนี้เสียเพิ่มขึ้นอีกมาก หนี้เสี่ยงจะเสียนี้ จะกลายเป็นหนี้เสียในที่สุดถ้าพลเอกประยุทธ์ยังบริหารเศรษฐกิจของประเทศแบบนี้

5. คนไทยจนมากที่สุดถึง 20 ล้านคน ตามที่พลเอกประยุทธ์จะแจกบัตรคนจนรอบใหม่ คนจนไม่ได้หมดไปเหมือนที่เคยคุยโวไว้ ทั้งนี้คนจนของไทยเพิ่มขึ้นมาตลอดทุกปี ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ทำการปฏิวัติเข้ามาแล้ว ไม่ใช่เพิ่มขึ้นเฉพาะช่วงวิกฤตไวรัสโควิด โดยเวิลด์แบงก์แถลงว่าช่วงปี 2558-2561 ประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านคน และมาซ้ำเติมมีคนจนเพิ่มขึ้นจากช่วงวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดอีก

6. ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำมากที่สุด จนขึ้นอันดับ 1 ของโลก คนไทย 1% มีทรัพย์สินรวมกันเท่ากับ 66.9% ของทรัพย์สินรวมของทั้งประเทศ ในสมัยพลเอกประยุทธ์นี้

7. คนไทยเจ็บและตายมากที่สุด จากการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดที่ผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ ขนาดทุกวันนี้คนเจ็บคนตายก็มีเพิ่มขึ้นทุกวัน

8. การศึกษาของไทยตกต่ำที่สุด เกือบรั้งท้ายของกลุ่มประเทศในอาเซียน อีกทั้งความสามารถแข่งขันของไทยได้ลดลงทุกด้าน

9. มีการทำร้ายและจับกุมผู้เห็นต่างมากที่สุด ตั้งแต่หลังการปฏิวัติจนมาถึงหลังการเลือกตั้งแล้ว ขนาด นายพิชัย นริพทะพันธ์ุ ที่วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่และก็ย่ำแย่จริง ยังถูกเรียกตัวถึง 12 ครั้ง และพลเอกประยุทธ์ยังนำมาพูดเป็นเรื่องเล่น ทั้งที่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

และ 10. การทุจริตมากสุด จากดัชนีวัดความโปร่งใสนานาชาติ ปรากฏว่า ประเทศไทยมีอันดับการคอร์รัปชันแย่ลงมาตลอด 5 ปีติดต่อกัน จากอันดับที่ 96 ในปี 2560 ลงมาอันดับที่ 99 ปี 2561 ลงมาอันดับที่ 101 ในปี 2562 ลงมาอันดับที่ 104 ในปี 2563 จนลงมาถึงอันดับที่ 110 ในปี 2564

"นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศล้มเหลวจนประชาชนเดือดร้อน ผสานกับ สถานการณ์โควิด-19 ที่พิสูจน์ถึงความสามารถที่จำกัดของพลเอกประยุทธ์ และพิสูจน์ความล้มเหลวของระบบที่ไม่ได้สะท้อนความต้องการประชาชน แทนที่จะทำให้ประเทศเพิ่มเสถียรภาพ แต่กลับอ่อนแอลงอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจะกลับมายืนอย่างสง่าได้ ต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนผู้นำ และพัฒนาระบบการเมือง ที่สะท้อนถึงยุคสมัยและตอบโจทย์ของประชาชนให้ได้ทุกภาคส่วน" นายพชร กล่าว.