ที่ประชุม ครม.วันนี้ เห็นชอบให้ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิก FATF หวังเพิ่มบทบาทการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน เสริมความน่าเชื่อถือการค้าการลงทุน

วันที่ 15 มี.ค. 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบให้ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (Financial Action Task Force: FATF) ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ

สำหรับคณะทำงานเฉพาะกิจ FATF นี้ เป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างรัฐบาล จัดตั้งขึ้นโดยที่ประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ G7 ในปี 2532 ปัจจุบันมีสมาชิก 39 ราย และมีเครือข่ายความร่วมมือ 9 แห่ง ในทุกภูมิภาคของโลก โดยทำหน้าที่ส่งเสริมและติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Anti-Money Laundering and Combating Financing of Terrorism: AML/CFT)

นางสาวรัชดา ระบุต่อไปว่า การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของไทยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) เพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง รวมถึงการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินระหว่างประเทศ

ส่วนกรอบระยะเวลาดำเนินการหลังจากไทยมีหนังสือแสดงเจตจำนงในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก FATF ภายในเดือน มี.ค. 2565 แล้ว ที่ประชุมใหญ่ FATF จะพิจารณาข้อมูล เช่น ขนาด GDP ขนาดภาคธุรกิจ ขนาดประชากร อิทธิพลต่อระบบการเงินโลก และจะพิจารณาเดินทางเยือนไทยเพื่อประเมิน และภายในปี 2566 หากผลการเยือนเป็นที่น่าพอใจ ที่ประชุมใหญ่ FATF จะพิจารณาเชิญประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม FATF ในฐานะผู้สังเกตการณ์เป็นเวลา 3 ปี แล้วจะทำการประเมินเพื่อพิจารณารอบสุดท้ายในการให้สมาชิกภาพกับไทยต่อไป

...

“การเข้าเป็นสมาชิก FATF ของไทย จะเพิ่มบทบาทการทำงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) ในเวทีระหว่างประเทศ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะประเทศที่มีการดำเนินงานตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะเพิ่มความน่าเชื่อถือด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต”.