“อนุทิน” เผย ปลายเดือนมิถุนายน ไทยเริ่มเปลี่ยนโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ขอ ปชช.อย่าเพิ่งการ์ดตก ย้ำ UCEP PLUS ผู้ป่วยสีเหลือง-แดง เข้ารักษาได้ทุก รพ. สั่งเร่งฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 ก่อนสงกรานต์
วันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ทางคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบตามแผน และมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านของโควิด-19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย บนพื้นฐานของการที่เศรษฐกิจ และสังคม ได้รุดหน้า ซึ่งประเทศอื่นกำลังเดินหน้าเรื่องนี้ เช่นกัน เราได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บริหารจัดการ อาทิ การเฝ้าระวัง มาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ การจัดการเรื่องวัคซีน มาตรการควบคุมโรค มาตรการด้านการรักษาพยาบาล เพื่อให้ประชาชนได้กลับมามีชีวิตตามปกติ ปัจจุบันนี้ อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับที่สากลยอมรับคือ เสียชีวิต 1 ต่อ 1 พันราย ซึ่งปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตของไทยอยู่ที่ไม่ถึง 1 ต่อ 1 พันราย
“ปลายเดือนมิถุนายนนี้ เราต้องเริ่มเดินเข้าสู่การให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น เตียงพยาบาลต้องพร้อม อัตราความรุนแรงอยู่ในจุดที่ควบคุมได้ จำนวนผู้เสียชีวิต ต้องอยู่ในจุดที่สอดคล้องกับที่องค์การอนามัยโลกกำหนด มีความพร้อมเพรียงของยา เป็นต้น ส่วนการปฏิบัติตน ให้รักษาวินัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากาก เหมือนที่เคยปฏิบัติมา จะช่วยลดอัตราเสี่ยงลง ทั้งนี้ จากข้อมูลคือ การได้รับวัคซีนบูสเตอร์อย่างครบถ้วน จะช่วยลด อาการป่วยหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายอนุทิน กล่าว
นอกจากนั้น รับหลักการเรื่องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น แก่กลุ่ม 608 ก่อนสงกรานต์ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากปัจจุบัน พบผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการติดเชื้อเพิ่ม แน่นอนว่า เราเสียใจกับทุกความสูญเสีย แต่เราก็ต้องชี้แจงว่า จำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตนั้น มีรายละเอียดอย่างไร โดยมากกว่า 95% คือ ผู้ที่เข้าไม่ถึงวัคซีน ไปจนถึงกลุ่ม 608 มีความเสี่ยงสูง ตอนนี้เข้าใกล้สงกรานต์ ซึ่งไม่ได้มี ข้อห้าม ในการเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา สิ่งที่กระทรวงฯ อยากวิงวอนประชาชน คือ การรักษามาตรการอย่างเคร่งครัด ตอนนี้ไทยยังมีผู้สูงอายุเกือบ 2 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย ต้องขอให้ทุกภาคส่วนพามารับบริการ ทราบว่าหน่วยงานต่างๆ ไปจนถึง อสม. ไม่ได้ละเลย แต่ก็พบว่าผู้สูงอายุปฏิเสธ เพราะเชื่อว่าปลอดภัย เนื่องจากไม่ได้เดินทางก็ต้องทำความเข้าใจ ว่า อยู่บ้านก็มีโอกาสติดเชื้อจากคนรอบข้าง สำหรับวัคซีนเข็ม 4 ถ้าอยู่ในกลุ่มที่ต้องพบปะกับผู้คนจำนวนมาก ขอให้มาแจ้ง ขอย้ำว่า วัคซีน มีความปลอดภัย และป้องกันการป่วยหนักได้
...
นอกจากเรื่องโควิด-19 ที่ประชุม ยังได้หารือเรื่องเร่งรัดการให้บริการวัคซีนโรคหัด และหัดเยอรมัน ภายใต้โครงการกำจัดโรคหัด ภายใต้พันธสัญญากับนานาชาติ ต้องทำให้เป็นโรคที่ควบคุมได้ เรื่องสำคัญอีกเรื่อง คือ การเห็นชอบอนุมัติ ให้มีการรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ
“ส่วนเรื่องประกาศ UCEP PLUS นั้น เมื่อประกาศไปแล้ว คนที่อาการสีเขียว หรือ ไม่แสดงอาการ ถึงอาการน้อยมากๆ ให้เข้าดูแลในระบบ Home Isolation หรือสามารถไปหาแพทย์ตามโรงพยาบาลรัฐ ตามสิทธิ์ ได้ แต่หากไปโรงพยาบาลเอกชน ต้องจ่ายเงินเอง อันนี้สำหรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว แต่ผู้ป่วยอาการสีเหลือง และสีแดง เข้าเกณฑ์ UCEP สามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาลที่ไหนก็ได้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าหากโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้วจะมีการพิจารณาเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เป็นไปตามขั้นตอน โดยกฎหมายดังกล่าว ช่วยให้เกิดการบูรณาการทุกหน่วยงานให้สามารถทำงานได้ตามกฎหมาย เพราะการควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถไปสั่งการได้ทุกหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม พอโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นแล้วทุกอย่างก็อยู่ภายใต้มือหมอ ก็จะมีการพิจารณาเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผ่านมา การมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ช่วยอำนวยความสะดวก ในการบริหารจัดการตามแนวชายแดน ที่ต้องขอความร่วมมือฝ่ายความมั่นคง เพราะเราสั่งการข้ามหน่วยงานไม่ได้ ต้องใช้กฎหมายตรงนี้ช่วย