“นิพนธ์” รีบปัด ปชป.จ้องชิงไหวชิงพริบพปชร. ปมโหวต “สาธิต” ชี้ทุกอย่างอยู่ที่ กมธ. “เทพไท” ได้ทีขย่ม เป็นการฉีกหน้าส่งสัญญาณเตือนถึง “บิ๊กป้อม”-พปชร. ทบทวนอย่าเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว “วิษณุ” ยอมรับต้องปรับปรุงงานในสภาใหม่ รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมไหมให้ถาม “บิ๊กป้อม” “ทักษิณ” ร่วมวงเขย่าเป็นสัญญาณปลุก “ลุงตู่” ย้ำอีกรอบกลับไทย พ.ศ.นี้แน่นอน “อุ๊งอิ๊ง” ขยับปั้นนโยบาย พท. มท.จ่อชง ครม.จิ้มวันเลือกผู้ว่าฯ กทม. ส.ส.พปชร.โต้ “ผู้กองนัส”
จับตาเกมงัดข้อรอบใหม่ในพรรคร่วมรัฐบาล หลังการโหวตเลือกนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน กมธ.พิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ ที่มองว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ให้ทบทวนวิธีการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ ในสภา
ปัด ปชป.ชิงไหวชิงพริบ พปชร.
เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 2 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่าคงไม่มีอะไร ใน กมธ.ฯต้องรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่ายมีอะไรต้องพูดกัน ต้องรับฟังเสียงส่วนมาก ผู้สื่อข่าวถามว่าถูกมองว่าเป็นการชิงไหวชิงพริบของประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ นายนิพนธ์ตอบว่าคิดว่า ไม่มีอะไรแบบนั้น อยู่ที่ความพร้อม กมธ.ฯมากกว่าและแนวทางแก้กฎหมายลูก 2 ฉบับ ต้องเป็นไปตามมติ กมธ.ฯ ที่ต้องรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ก่อนจะออกเป็นมติอย่างใดอย่างหนึ่ง
...
เลือก “สาธิต” ให้บทเรียน พปชร.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสัญญาณการเมืองที่ส่งถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยืนยันจะให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธาน กมธ.ฯชุดนี้ แต่ด้วยการเคลื่อนไหวในลักษณะอารยะขัดขืนของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำให้นายสาธิตชนะนายไพบูลย์แบบเฉียดฉิว เป็นการฉีกหน้า พล.อ.ประวิตร ผลการโหวตนี้เป็นการบ่งบอกถึงความไม่เห็นด้วย ที่พรรคพลังประชารัฐลุแก่อำนาจ ทำอะไรตามอำเภอใจ “โดยเฉพาะนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่เสมือนยาสามัญประจำบ้านของ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนให้กับ พล.อ.ประวิตร และพลังประชารัฐ ที่ต้องนำไปทบทวนวิธีการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ที่ควรแคร์ความรู้สึกของสังคม โดยส่งบุคคลที่ทุกฝ่ายยอมรับเพื่อการทำงานร่วมกับทุกฝ่ายไม่ใช่ส่งใครมาก็ได้ที่ตนพอใจ ให้เดินเกมการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว”
“วิษณุ” บอกทุกอย่างอยู่ที่ กมธ.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่ฝากประเด็นอะไรไปยังนายสาธิต ไม่เคยให้นโยบายอะไรไป เพราะ กมธ.ฯแบ่งสัดส่วนตามโควตาอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรก็พูดคุยกันใน กมธ.และกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ไม่ใช่ของรัฐบาลโดยแท้ รัฐบาลทำหน้าที่เสนอแทนกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วต้องมาถาม กกต. ถ้า กกต.ไม่เห็นชอบก็จะแนะนำรัฐสภาเป็นผู้แก้ไข เรื่องนี้เป็นเรื่องของ กกต. ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และต้องทำงานแข่งกับเวลาให้เสร็จภายใน 180 วัน ถ้าไม่เสร็จก็ต้องเห็นชอบตามร่างฯที่เสนอ เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว นายวิษณุนิ่งไปช่วงหนึ่งก่อนตอบว่า “ที่นิ่งไม่ได้คิดหนัก มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะถาม คือได้ถ้าคุณจะไปแก้รัฐธรรมนูญ แต่แก้ได้หรือไม่นั้นผมไม่รู้ แล้วจะไปแก้ทำไม เพิ่งแก้มาหมาดๆ ถ้าจะแก้ แก้เรื่องอื่นที่มีความสำคัญกว่า”
มองเรื่องนี้ผิดปกติตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่าการโหวตให้นายสาธิตเป็นประธานฯ ถือเป็นความขัดแย้งหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ไม่ปฏิเสธทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่จริงน่าจะมีการพูดกันมาก่อน แต่ทราบว่าเรื่องนี้ไม่มีการพูดกันมาก่อน พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีใครรู้ว่าจะให้ใครเป็นประธานฯ เรื่องนี้ผิดปกติมาตั้งแต่ต้น ขนาดนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. เป็นเจ้าของร่างฯแต่ไม่มีชื่อเป็น กมธ.ฯ แปลว่ายังไม่พูดจาอะไรกันที่ชัดเจน เมื่อถามว่าแสดงว่าเอกภาพของรัฐบาลมีปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่าก็แล้วแต่จะคิด เมื่อถามว่างานสภาฯต้องปรับปรุงหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “ต้อง” ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า “ต้อง” ที่ว่าหมายถึงอะไร นายวิษณุตอบว่าแค่นี้พอแล้ว สื่อถามมาว่าต้องปรับปรุงหรือไม่ ก็ตอบว่าต้อง ส่วนเขาจะทำตามหรือไม่ คิดว่าเขาคงไม่ได้ยินตนพูด ก็ให้รออ่านจากสื่อ
ครบเทอมไหมให้ถาม “ป้อม”
เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดถึงเรื่องนี้ว่าจะกระทบต่อเสถียรของรัฐบาลและนายกฯ นายวิษณุตอบว่า ตนก็ห่วงใยในฐานะส่วนหนึ่งของรัฐบาล แต่ไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้คุยกับนายกฯ เมื่อถามว่านายกฯเคยหารือเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุกฎหมายลูกไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร นายวิษณุตอบว่า รัฐบาลไม่เคยคุยเรื่องนี้จริงจัง แค่คุยธรรมดาเป็นการปรารภไม่ใช่คำปรึกษา ไม่มีข้อยุติอะไร ยืนยันไม่กังวลเรื่องอุบัติเหตุ ถ้าเกิดอุบัติเหตุมันก็จะมีทางออก เมื่อถามว่าเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ให้ไปถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร.ดีกว่า คงอ่านอะไรได้ขาดกว่าตน
“วิเชียร” เชื่อเหตุชวดไม่ฟังใคร
นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสาเหตุที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ได้ตำแหน่งประธาน กมธ. ว่า เห็นว่านายไพบูลย์ไม่ค่อยฟังคนใน กมธ. จึงมีความไม่พอใจวิธีการทำงานตั้งแต่ตอนนั้น บางทีเราต้องให้โอกาสคนที่เป็น กมธ. ได้อธิบาย และพูดให้หมดประเด็นจะได้บันทึก ส่วนมติเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไรนั้นไม่ได้มีการติดใจอะไร เท่าที่ทราบมาเป็นเช่นนี้ เขาเกิดความกังวลจึงไม่อยากได้ นี่คือเนื้อแท้ที่ กมธ.ชุดนี้บ่นกัน และเชื่อว่านายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธาน กมธ.วิสามัญฯจะสามารถดูแลได้เรียบร้อย
“ทักษิณ” ร่วมวงเขย่าถึง “ลุงตู่”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 1 มี.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ตอน “ไทยแลนด์แสนวิกฤติ” วิเคราะห์สถานการณ์ต่างประเทศ และผลกระทบต่อไทย” นายทักษิณกล่าวแสดงความเห็นถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนว่า ไทยควรยึดผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นประณาม แต่ควรยึดหลักการไม่ฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่สถานการณ์การเมืองไทย ประเด็นการเลือกประธาน กมธ.พิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงเป็นนายสาธิต คิดว่านี่เป็น wake up call (ปลุกให้ตื่น) ของสภาสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนเรื่องการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์ไม่ค่อยชอบปรับ ครม.ไม่เหมือนตนที่ขยันปรับ
ย้ำอีกกลับไทย พ.ศ.นี้แน่นอน
ทั้งนี้ ช่วงการพูดคุย นายทักษิณได้สอบถามความเห็นกรณี 3 ป. กับนายสุธรรม แสงประทุม อดีต รมช.มหาดไทย นายสุธรรมกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์พยายามประคองสถานการณ์ท่ามกลางความอ่อนเปลี้ยเต็มที ขณะที่ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ดามกระดูกสันหลัง พล.อ.ประยุทธ์ชั่วคราว เขากำลังแต่งพรรค โดยอาศัยซาก พล.อ.ประยุทธ์ไว้เป็นโล่กำบังระยะหนึ่ง เมื่อแต่งตัวได้เขาจะเป็นพรรคใหญ่แทน ทำให้นายทักษิณกล่าวแซวว่า “คิดค่าหมอแพงหน่อยนะ” ก่อนจะให้นายสุธรรมทำนายว่าหากยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ใครจะเป็นหัวหน้าพลังประชารัฐ นายสุธรรมกล่าวว่า ยังมีอยู่หรือ การเมืองตอนนี้ดูวันต่อวัน มีปัญหาก็ดูไปแก้ไป ซื้อไป ซื้อซ้ำยังมี ก่อนที่นายสุธรรมจะทิ้งท้ายว่า “คิดถึงท่านโทนี่ เมื่อไหร่จะมา” นายทักษิณจึงตอบกลับว่า “พ.ศ.นี้แน่นอน”
“อุ๊งอิ๊ง” ขยับปั้นนโยบาย พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป หัวข้อ “คิด-เปลี่ยน-โลก สร้างโลกที่ดีกว่าและแก้ปัญหาด้วยความคิดเชิงนวัตกรรม” มีนายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Fire One One และที่ปรึกษาด้าน Business Transformation มาร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคและแกนนำพรรคเข้าร่วม น.ส.แพทองธารกล่าวว่า หัวใจของกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม เริ่มต้นที่การเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง จนได้มาซึ่งวิธีการแก้ปัญหา มองว่าพรรคเพื่อไทยสามารถนำเอากระบวนการคิดเชิงนวัตกรรมมาสร้างนวัตกรรมทางการเมือง ผ่าน ส.ส. และสมาชิก เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ ผ่านวิธี DIWK รวม 4 ขั้นตอน ได้แก่ D : Data จัดเก็บข้อมูลดิบ I : Information ประมวลผลข้อมูลที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ W : Wisdom ใช้ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหา K : Knowledge ใช้องค์ความรู้ในการสร้างนโยบาย พรรคจะสานต่อแนวคิดการลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนทั่วประเทศ ก่อนนำเสนอเป็นนโยบายของพรรค
มท.จ่อชง ครม.เลือกผู้ว่าฯ กทม.
อีกเรื่อง นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า กำหนดการเลือกตั้งยังอยู่ในไทม์ไลน์เดิม คงได้เลือกกันในช่วงเดือน พ.ค.นี้ คาดว่าสัปดาห์หน้ากระทรวงมหาดไทยไทยจะเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชารัฐยังหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้ นายนิพนธ์ตอบว่า ไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้
โวเสียงหนุน “ลุงตู่” ยังเกินครึ่ง
ด้านนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. กล่าวว่า ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ประกาศว่า 260 เสียงที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยนั้น ไม่ขอพูดเรื่องตัวเลข เป็นความเห็นส่วนตัวของ ร.อ.ธรรมนัส แต่มั่นใจเสียง ส.ส.ที่จะสนับสนุนรัฐบาล และนายกฯ มีเกินครึ่งคือ 238 เสียงแน่นอน คิดว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ ในเดือน พ.ค. คงหยิบยกเรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 บรรจุเข้าในวาระพิจารณาก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นคงเป็นเรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน เชื่อว่าทั้ง 2 เรื่องรัฐบาลจะผ่านไปได้ด้วยเสียงเกินครึ่ง และ พล.อ.ประยุทธ์จะบริหารต่อไป ไม่เห็นว่ามีเรื่องใดต้องกังวล และเชื่อว่านายกฯก็ไม่กังวลหรือมองว่าเป็นอุปสรรค เพราะเป็นแค่ความเห็นทางการเมือง