ข่าวเศร้า ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครของ “น้องแตงโม นิดา” คงจะยึดพื้นที่สื่อกระแสหลักไปอีกพักใหญ่ๆ กลบประเด็นอื่นตกขอบ ซาลงไปชั่วขณะ
โดยเฉพาะการเมืองเรื่องของเศรษฐกิจที่จริงๆแล้วนับเป็นสถานการณ์น่าหวั่นวิตกมากและต้องกระทบกับประชาชนคนไทยอย่างหนัก ตามข้อมูลจากกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้เผยแพร่สถานะ “หนี้สาธารณะของประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564”
ตัวเลขอยู่ที่ 9,644,256 ล้านบาท คิดเป็น 59.57 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี
จ่อทะลักขีดแดง ทำลายสถิติเพดานหนี้ของรัฐบาลยุคที่ผ่านมากระจุยกระจาย ผลที่ตามมา เด็กไทยเกิดใหม่ต้องแบกหนี้ออกมาจากท้องแม่หลังแอ่น
ไฟต์บังคับ ต้องใช้หนี้แทนคนรุ่นปู่ย่าตาทวดกันหัวโต
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์การเมืองที่ผู้นำรัฐบาล “เป็ดง่อย” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของนักเลือกตั้งอาชีพ เล่นเกม “บีบไข่” จนหน้าดำหน้าเขียว โอดครวญ ไหว้วอนคนนั้นคนนี้ ให้ช่วยประคองเสถียรภาพรัฐบาล
หมดสภาพของผู้นำขุมอำนาจทหารเฒ่า 3 ป. ที่เคยอหังการ
ลำพังแค่คิดยุทธศาสตร์ต่อโปรโมชัน ลากยาวอำนาจไปต่อ ก็แทบไม่เหลือเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องการบริหาร เนื้องานเศรษฐกิจแทบบอดสนิท
เครื่องหมายคำถามกับโจทย์สถานการณ์เบื้องหน้า “บิ๊กตู่” จะโดนปิดสวิตช์ หรือ ปิดสวิตช์เอง
ตามรูปการณ์ที่เซียนการเมืองฟันธง อย่างเก่งก็ลากเรือเหล็กบุโรทั่งไปได้แค่เดือนพฤษภาคมถึงห้วงมรสุม เปิดสภาสมัยสามัญ ฝ่ายค้านตั้งแท่นยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลากขึ้นเขียงเชือด
ไม่ต้องพึ่งโหรก็เดาชะตากรรมได้ล่วงหน้า
ถ้าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถูกบรรจุเมื่อไหร่ ไพ่ตายหลุดจากมือนายกฯทันที โอกาสร่วงเก้าอี้คาสภา เป็นไปได้สูงถึงสูงมาก ในสภาพที่ไว้ใจเกม “ซ่อนแต้ม” ไม่ได้ มันก็เป็นอะไรที่เดาทางไม่ยาก
...
“บิ๊กตู่” ต้องชิงยุบสภา ก่อนโดนคณะกฐินรุมเช็กบิล ที่แน่ๆตลาดนัด ส.ส.คึกคัก นักเลือกตั้งอาชีพ ขยับจองสังกัดกันหมดแล้ว
เพราะแนวโน้มชัดเจน ไม่ว่าจะกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งจะออกมารูปไหน อย่างไรเสียประชาชนก็ต้องเข้าคูหากาบัตร 2 ใบ
ภายใต้กติกาที่เอื้อต่อพรรคใหญ่ได้เปรียบเต็มประตู
ไล่จากพรรคร่วมรัฐบาล ค่ายพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ แม้จะไร้กระแส คนโห่ไล่ แห่ด่าประจานเชิงบริหาร แต่นั่นก็ตรงกันข้ามกับสถานะผู้ถืออำนาจรัฐ ได้เหลี่ยมทิ้งทวน
จังหวะไอ้เสือถอย โอกาสขนกล้วยใส่รถเสบียงอู้ฟู่ ตุนกระสุนไปสู้กับกระแส
ขณะที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยของทีม “นายห้างดูไบ” มีทั้งกระสุนบวกกับกระแสอย่างที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ตีปี๊บแห่ปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” ปาดหน้าปาดหลังกับค่ายก้าวไกลของเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องคุยสร้างราคา ถึงเวลากวาดแต้ม “นิวโหวตเตอร์” มาเต็มแน่
แต่ที่ต้องออกแรงเบ่ง แบกน้ำหนักกันอื้อก็คือค่ายใหม่ป้ายแดง
ด้านหนึ่งต้องดิ้นหนีสภาพ “เชิงซ้อน” อย่างพรรคกล้าของนาย กรณ์ จาติกวณิช ที่ฐานเสียงนัวเนียกับต้นสังกัดเก่ายี่ห้อประชาธิปัตย์ ถึงเวลาลงสนามจริง ปชป.กดปุ่มล็อก
พรรคกล้าจะเหลือแต้มหลุดมาสักเท่าไหร่
สถานการณ์เดียวกับค่ายไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ฐานเสียงทับซ้อน คลุมเครือกับพรรคเพื่อไทย ถึงจุดถ้าตระกูลชินสั่ง “เคลียร์คัต”
เผลอๆมวยที่วางตัวไว้อาจจะกลับเพื่อไทยหมด
หยั่งน้ำหนักวัดกระแสแล้ว ก็มีแค่ยี่ห้อ “สร้างอนาคตไทย” ที่นายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง ประกาศโชว์ชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มือบริหารเศรษฐกิจระดับอ๋อง อยู่ในบัญชีนายกฯพรรค
เป็นค่ายเดียวที่ “วางชั้นโชว์สินค้าขึ้นห้าง” ขายทีมเศรษฐกิจ ทำได้จริงในเชิงปฏิบัติ
เทียบกับสองค่ายแรก ทีมสร้างอนาคตไทย ไม่ติดเงื่อนไขขัดแย้ง ไม่ต้องแย่งฐานเสียงกับต้นสังกัดเก่า ตามสภาพ “เทคโนแครตอิสระ” ผสมผสานมือบริหารเศรษฐกิจรุ่นใหญ่กับสตาร์ตอัพรุ่นใหม่
ท่ามกลางกระแสเบื่อ “ประยุทธ์” ระแวง “ทักษิณ” เอือมระอากับการเลือกข้างทางการเมือง เปิดโอกาสยี่ห้อ “สมคิด” แชร์แต้มชนชั้นกลางใน กทม.และหัวเมืองใหญ่
ในเกมเลือกตั้งที่ต้องเดิมพันกันด้วยทีมเศรษฐกิจ กู้ “มหาวิกฤติ” ประเทศไทย.
ทีมข่าวการเมือง