ป.ป.ช.ไล่สอยคดีเก่าคนเพื่อไทย เงื้อดาบฟัน “จารุพงศ์”-พวก รับทรัพย์สินและประโยชน์มิควรได้ จากอีสต์วอเตอร์ ผิด พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 103 เห็นร่วมอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” คดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” “กิตติรัตน์” โดนคดีข้าวบูล็อก ไล่ขอข้อมูล “ดร.เอ้” รวยผิดปกติ “บิ๊กตู่” โอดครวญไม่คิดท้อแท้ ไม่ทิ้งประเทศ “ปู” อ้อนแฟนคลับคิดถึงบ้าน คนเป็นนายกฯอยู่ที่ประชาชนตัดสิน ถาม “ลุงตู่” เจอหน้ายังคุยกันไหม “ปู่พิชัย” ถึงแก่อนิจกรรมวัย 97 ปี ศาลอนุญาตประกัน “อานนท์”

สำนักงาน ป.ป.ช.ถือโอกาสแถลงผลงานช่วงไตรมาสแรกปี 2565 มีมติฟันขั้วการเมืองพรรคเพื่อไทย ทั้งคดีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทยกับพวก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันมิควรได้ และคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช.

ป.ป.ช.เงื้อดาบฟัน “จารุพงศ์”

...

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. แถลงผลงานคดีทุจริตไตรมาสแรกปี 2565 ว่า ป.ป.ช.มีมติเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ชี้มูลความผิดนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกับพวก กรณีรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันไม่ควรได้ตามกฎหมาย ปรากฏข้อเท็จจริงว่าปี 2555 นายจารุพงศ์กับพวกเดินทางไป-กลับ กทม.-ปักกิ่ง ประเทศจีน ด้วยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ ชั้นธุรกิจราคาที่นั่งละ 39,000 บาท ต่อมาปี 2556 เดินทางไป-กลับ กทม.-กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ด้วยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ชั้นธุรกิจ ราคาที่นั่งละ 20,000 บาทเศษ รวมมูลค่าที่ได้รับไปเกือบ 6 หมื่นบาท จากการไต่สวนพบว่านายจารุพงศ์กับพวก มีการเรียกเก็บค่าตั๋วจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด หรือ “อีสต์วอเตอร์” ทั้งที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง รับฟังได้ว่านายจารุพงศ์รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 3,000 บาท ตามระเบียบหรือประกาศของ ป.ป.ช. และมีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 103 ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการต่อไป

สั่งฟ้อง “ยิ่งลักษณ์–กิตติรัตน์”

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีการชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ และการชี้มูลนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกคดีปรับปรุงข้าวส่งออกไปยังอินโดนีเซีย เอื้อประบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด หรือ “คดีข้าวบูล็อค” ทั้ง 2 คดี มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด ร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีนั้น ล่าสุดอัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องทั้ง 2 คดีนี้แล้ว

ไล่ขอข้อมูล “ดร.เอ้” รวยผิดปกติ

นายนิวัติไชยยังกล่าวถึงการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประ ชาธิปัตย์ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ โดยขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมที่ดิน ธนาคาร หรือบุคคลที่จะเชิญมาให้ถ้อยคำ ถ้าได้ข้อมูลมาเร็ว ป.ป.ช.ก็ทำงานได้รวดเร็ว ถ้าได้มาช้า อาจต้องเสียเวลากับการค้นหาพยานหลักฐานพอสมควร

รบ.ชง “ไพบูลย์” คุมแก้ ก.ม.ลูก

ที่รัฐสภา นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวว่า โดยมารยาทต้องเป็นคนของฝ่ายรัฐบาลเป็นประธาน กมธ. ที่ดูเหมาะสมมีทั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาลจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ถ้าเป็นนายไพบูลย์ก็คงมาเป็นในนามโควตา ครม. แม้นายไพบูลย์จะมีบุคลิกบู๊ดุดัน แต่เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะการพิจารณาใช้เสียงข้างมากเป็นตัวชี้ขาด

ฝ่ายค้านส่ง “ชูศักดิ์” ประกบชิง

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กมธ.วิสามัญฯ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งชื่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค ชิงตำแหน่งประธาน กมธ. กับนายไพบูลย์ นิติตะวัน แม้รู้ว่าสู้เสียงข้างมากไม่ได้แต่จะส่งลงสู้ ฝ่ายค้านจะประชุมกันอีกครั้งเพื่อกำหนดแนวทางการชิงตำแหน่งประธาน กมธ. ส่วนกรอบการพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ เท่าที่คุยกันเบื้องต้นจะพิจารณาให้เสร็จก่อนการเปิดประชุมสภาฯ ครั้งต่อไป คือวันที่ 22 พ.ค. และไม่จำเป็นต้องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ คาดว่าจะยื่นเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาในวาระ 2-3 ได้ช่วงปลายเดือน พ.ค.ถึงต้นเดือน มิ.ย.

“วิษณุ” โยนสภาฯไปตัดสินกัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นประธานฯเป็นเรื่องของกมธ.จะเลือกกันเอง เมื่อถามว่าที่มีกระแสว่าฝ่ายรัฐบาลส่งนายไพบูลย์มาเป็นประธานฯ จะทำให้เป็นปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นการพิจารณากฎหมายลูกเลยหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านไม่ยอมรับ นายวิษณุตอบว่าไม่รู้ ไปว่ากันเอง อย่างกฎหมายป้องกันการซ้อมทรมานและการสูญหาย ก็เลือกคนจากฝ่ายค้านมาเป็นประธานฯ ฉะนั้นเรื่องนี้แล้วแต่ว่า กมธ.จะเลือกกันเอง บางครั้งก็เลือกจากรัฐบาล บางครั้งก็เลือกจากฝ่ายค้านหรืออาจเป็น ส.ว.

“บิ๊กตู่” โอดไม่ท้อไม่ทิ้งประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบนโยบายด้านการอยู่อาศัยและการดูแลผู้สูงอายุของรัฐบาล ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า เรามีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยในปี 2579 เป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่องไปสู่เป้าหมายอื่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ข้าราชการเกษียณ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไปที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี หรือ 60 ปีขึ้นไป ให้ได้มีโอกาสความเท่าเทียมถึงสวัสดิการของรัฐ ผลประโยชน์ต้องเป็นของประชาชนโดยรวมอย่างเป็นธรรม รัฐบาลมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ไม่เคยท้อแท้ที่จะทำให้กับประชาชน ตราบใดที่ยังทำได้จะทำให้มากที่สุด ให้ดีที่สุด พี่น้องข้าราชการถือว่าสำคัญ เขาทำงานมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ระดับกลาง ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย พร้อมกล่าวหยอกเย้ากับผู้ที่ร่วมพิธีว่า “มีใครไม่เห็นด้วยหรือไม่ ยิ้มหน่อยสิ ยิ้มหวานๆหน่อย บางคนไม่ค่อยยิ้มเลย ทำความดีแล้วมีความสุข ถ้าวันไหนที่ทำดีๆแล้วสำเร็จ จะยิ้มทั้งวัน บางวันก็หงุดหงิดไปบ้าง วันนี้ก็หงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเช้าเรื่องอื่นๆ เรื่องโลก เรื่องภูมิภาค ปัญหาต่างๆที่เราต้องเจอ ต้องเจอเหล่านี้ทุกวันแต่ก็ไม่เคยทิ้งประเทศของเรา”

“ปู” อ้อนแฟนคลับคิดถึงบ้าน

วันเดียวกันเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไลฟ์เฟซบุ๊กคุยกับแฟนคลับในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “เป็นอย่างไรกันบ้างคะ” มีนายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ อดีตโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ เป็นผู้ดำเนินรายการ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงกรณีต้องออกจากประเทศไทยมากว่า 4 ปี ว่า จะบอกว่าสบายดีคงไม่ใช่ เพราะจากบ้านเกิดมาอยู่ว่างงาน ห่างบ้านห่างเมือง ไม่เจอญาติพี่น้องคนรู้จักก็คิดถึง แต่ต้องอยู่ให้ได้ จำคำสอนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าต้องรักษาสุขภาพ ทำตัวเองให้มีความสุขเพื่อคนที่รักของเรา คือต้องพยายามอยู่ให้ได้ และติดตามข่าวสารที่เมืองไทยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องข้าวของแพงขึ้น ช่วงลำบากเจอโรคระบาด ประชาชนไม่มีทางออก ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะอยู่ไกล ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็ได้แต่ส่งกำลังใจ

นายกฯเป็นใครต้องถาม ปชช.

เมื่อถูกถามว่าอยากเป็นนายกฯอีกสมัยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า “โหย ตอนนี้เขาอาจเรียกว่าหมดยุคแล้วหรือไม่ ตอนนี้เป็นของรุ่นใหม่แล้ว เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะ และนายกฯต้องอยู่ที่ประชาชน ต้องฟังเสียงประชาชนว่าอยากให้ใครมาบริหารประเทศ ประเทศไทยมีคนมีความรู้ ความสามารถมาก ไม่ว่าตนจะอยู่สถานะไหนก็อยากช่วยเหลือประชาชน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศบ้านเกิด มีความรักผูกพัน ตัวอยู่ที่นี่แต่ใจรักผูกพันตลอดเวลา คิดถึงตอนที่เป็นรัฐบาล ที่วางอนาคตข้างหน้า ยุทธศาสตร์จังหวัดกระจายความเจริญไปภูมิภาคต่างๆ ทั้งรถไฟความเร็วสูง การบริหารจัดการน้ำ แต่สุดท้ายไม่ได้สานต่อ ก็เสียดาย

ถาม “ตู่” เจอหน้ายังคุยกันไหม

เมื่อถามว่า ตอนเป็นนายกฯและ รมว.กลาโหมหญิงคนแรก หนักใจหรือไม่ที่ตอนนั้นมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนอยู่ข้างหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ในฐานะนายกฯไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายก็ยากอยู่แล้ว เพราะเข้ามาในภาวะขัดแย้ง อีกทั้งการเป็น รมว.กลาโหมท้าทายมาก มองทำงานกับเหล่าทัพ ตอนนั้นหนักใจภาษาทหารเป็นอีกอย่างหนึ่ง การทำงานต้องใช้ข้อกฎหมายสั่งการ อยู่ๆจะไปสั่งตรงๆเขาคงไม่ทำ เมื่อถามว่าถ้าเจอหน้า พล.อ.ประยุทธ์อีกยังคุยกันได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ย้อนถามว่า “ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเจอหน้ายิ่งลักษณ์ ยังคุยกันได้หรือไม่” วันนี้ที่คนรุ่นใหม่สนใจการเมือง เป็นเรื่องถูกต้อง อยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปทางที่ดีเพื่ออนาคตของเขา เราในฐานะผู้ใหญ่ควรรับฟัง การพูดคุยกับคนรุ่นใหม่เขาต้องการเหตุผลความเข้าใจ ขอให้ประชาชนอดทนรักษาสุขภาพ วันหนึ่งเชื่อว่าความอดทน ความเข้มแข็งจะประสบความสำเร็จ ได้เจอแต่สิ่งดี

พท.จี้ผู้นำอย่าไล่ตามปัญหา

ด้าน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยน่าเป็นห่วงมาก ทั้งจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลนี้ ยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซียกับยูเครนซ้ำอีก ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยทุกภาคส่วนทั้งประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ประสบวิบากกรรมซ้ำเติม รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมรับมือให้ทันท่วงที พล.อ.ประยุทธ์เป็นทั้งนายกฯและ รมว.กลาโหม และยังคุมด้านเศรษฐกิจอีก ต้องสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องออกมาตรการล่วงหน้า อย่าปล่อยให้ปัญหาเกิดแล้วมาวิ่งตามเหมือนปัญหาราคาหมูแพงต้องแก้ที่ต้นทางไม่ใช่ปลายทาง ไม่เช่นนั้นก็เหมาะกับการเป็นผู้ตาม ลาออกจากเก้าอี้นายกฯแล้วให้คนมีความสามารถมาแก้ปัญหา ก่อนจะพังกันหมด

“ปู่พิชัย” ถึงแก่อนิจกรรมวัย 97 ปี

เมื่อเวลา 14.43 น. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงในกลุ่มไลน์ประชาธิปัตย์เดินหน้า ที่มีทั้ง ส.ส. อดีต ส.ส. แกนนำพรรคเป็นสมาชิกกลุ่มรวม 123 คน ว่า “ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล แจ้งว่า อดีตหัวหน้าพรรค นายพิชัย รัตตกุล ได้จากพวกเราไปอย่างสงบช่วงบ่ายวันนี้ กำหนดการจะแจ้งให้ทราบโดยเร็ว” โดยสมาชิกในกลุ่มต่างเข้ามาโพสต์แสดงความเสียใจต่อการอนิจกรรมของนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกฯ ทั้งนี้นายพิชัยเข้ารับการรักษามะเร็งปอด ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อราวครึ่งเดือนที่ผ่านมา และถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบที่โรงพยาบาลศิริราช สำหรับประวัตินายพิชัย เกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2469 ในครอบครัวไทยเชื้อสายจีน สิริอายุรวม 97 ปี สมรสกับคุณหญิงจรวย (ศิริบุญ) มีบุตร-ธิดา 3 คน คือ นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯกทม. นายอาณัฐชัย รัตตกุล และคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ เป็น ส.ส.กทม.ครั้งแรกปี 2512 เป็นอดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ปี 2525 เป็นรองนายกฯในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยังเคยเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา

ศาลอนุญาตประกัน “อานนท์”

วันเดียวกันเวลา 16.00 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ทีมทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ในคดีการชุมนุมที่อยู่ในศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เหลืออยู่ 1 สำนวน หลังจากเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งยกคำร้องไม่ให้ประกันว่า ทราบข่าวจากทีมทนายความศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันนายอานนท์เเล้ว เมื่อทำสัญญาประกันเสร็จ จะได้ปล่อยตัวที่เรือนจำในวันเดียวกัน ส่วนรายละเอียดเงื่อนไขต้องรอทีมทนายความชี้แจงอีกครั้ง

มีเงื่อนไข-จำกัดเวลา 3 เดือน

ขณะที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกเอกสารข่าวคำสั่งประกันนายอานนท์ นำภา ตีราคาหลักประกัน 200,000 บาท และเห็นควรกำหนดเงื่อนไข 1.ห้ามจำเลยทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือด้อยค่าต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาลในทุกด้าน 2.ห้ามจำเลยกระทำการใดๆ อันเป็นการขัดขวางกระบวนพิจารณาคดีของศาล 3.ห้ามจำเลยโพสต์ข้อความที่เป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น หรือชักชวนให้มวลชนเข้าร่วมทำกิจกรรมชุมนุมในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 4.ห้ามจําเลยออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 19.00-06.00 น. เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อการรักษาพยาบาล หรือได้รับอนุญาตจากศาล 5.ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล 6.ให้จําเลยมารายงานตัวต่อศาลทุกๆ 30 วัน และ 7.ให้จำเลยติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ EM เพื่อจำกัดระยะเวลาเดินทาง ทั้งนี้ การปล่อยตัวชั่วคราวมีเวลาจำกัดเพียง 3 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วต้องถูกกักขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เว้นแต่จะมีการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวอีกครั้งหนึ่ง