รมว.ท่องเที่ยว ยัน ต้องเก็บค่าเหยียบแผ่นดินเป็นค่าซื้อประกันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลัง สำนักงบฯ แจ้ง ไม่จัดสรรเงินเยียวยาให้แล้ว
วันที่ 22 ก.พ. 2565 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวพาดพิงในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เรื่องการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน คนละ 300 บาทนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่าต้องเรียกเก็บอย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่เป็นสิ่งที่เริ่มจากทางกระทรวงในยุคของตน เป็นมติที่ออกมาก่อนหน้านี้ เงินที่ได้จะนำไปซื้อประกันให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย ส่วนเงินที่เหลือจะไปเข้ากองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว มีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นประธานกองทุน มีผู้แทนจากอีก 10 หน่วยงาน ซึ่งรวมถึงกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ยืนยันว่ามีการใช้จ่ายได้เงินที่ได้มาดังกล่าวอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปถึงที่มาของการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดินมา โดย นายพิพัฒน์ ตอบว่า มาจากกรณีที่เกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณเมื่อปี 2558 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่สำนักงบประมาณ ได้จัดสรรงบประมาณมาให้สำหรับการเยียวยาชาวต่างชาติในส่วนนั้น ต่อมาเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งเราได้รับงบประมาณจากส่วนกลางไปเพื่อทำการสนับสนุน แต่เมื่อปี 2562 สำนักงบประมาณแจ้งมาทางกระทรวงว่าจะไม่จัดงบประมาณสำหรับการเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาให้แล้ว ทำให้กระทรวงต้องหาวิธีจัดเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเป็นกองทุนเพื่อการเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในไทย จึงมีการนำเสนอเรื่องการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เข้าสู่ที่ประชุม ครม. เมื่อปี 2562
...
ทั้งนี้ หลายคนอาจไม่รู้ว่าตั้งแต่ปี 2559-2561 กระทรวงสาธารณสุข ต้องใช้งบประมาณปีละประมาณ 300 กว่าล้านบาท ไปชำระค่ารักษาพยาบาลให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ถ้าเรามีเงินกองทุนตรงนี้ให้ไปซื้อประกันแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะทำให้ไม่ต้องไปรบกวนเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนคนไทย.