“บิ๊กตู่” รับมีปัญหาเรื่องงบประมาณมากพอสมควร ชี้ รัฐบาลมุ่งแก้จน เห็นใจประชาชนรายได้ไม่พอ กังวลสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด ยังต้องขึ้นอย่างนี้ไประยะหนึ่ง ย้ำ สถานที่รักษาต้องเพียงพอ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ก.พ. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ว่า มีการทบทวนและปรับแผนงานในระยะที่ 2 ปีที่ 2 ให้สอดคล้องสถานการณ์โลกปัจจุบัน รวมถึงสอดคล้องกับสิ่งที่จะทำในปี 2565 คือ เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน เพื่อยกระดับรายได้ประชาชนให้สูงขึ้นในทุกกลุ่มทุกมิติ จำเป็นต้องปรับหลายอย่าง อาศัยความร่วมมือทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ในการใช้จ่ายงบประมาณปี 2565 ให้สอดคล้องกับนโยบายที่ออกไปแล้ว ว่าจะใช้งบประมาณปี 2565 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่จะดูแลพี่น้องประชาชนให้มีรายได้เพียงพอ แก้ปัญหาความยากจนในหลายระดับ หลายกลุ่ม จึงต้องมีการแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้าลงรายครัวเรือน รายพื้นที่

ทั้งนี้ ในฐานะเป็นผู้บริหาร เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการขออนุมัติแผนงานโครงการขึ้นมา ต้องตอบสนองให้ได้ด้วย เพราะเรามีปัญหาเรื่องงบประมาณมากพอสมควร ซึ่งจะมีผลผูกพันในการจัดทำงบประมาณปี 2566 ต่อไปด้วย และต้องสอดคล้องเป้าหมายตามยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง โดยจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป สิ่งสำคัญคือการสั่งการหรือการทำนโยบาย แผนงานโครงการ บริหารงบประมาณ จะเป็นตัวหลักในการที่จะทำให้ทุกอย่างเดินไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ วันนี้เรามีแผนที่ 13 ออกมา มีการปรับหลายๆ อย่างให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยี การใช้ดิจิทัลเข้ามาเสริมการทำงาน ธุรกิจใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นมาก นายกรัฐมนตรีศึกษาเรื่องเหล่านี้หลายอย่าง เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ระยะยาว รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในการศึกษารายละเอียดต่างๆ มีทั้งโอกาสและวิกฤติ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในเรื่องระบบการเงินการคลัง การลงทุน มีทั้งผลดีและต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น จึงสั่งการให้ศึกษาเรื่องนี้โดยละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามกระแสโลกให้ได้ โดยเราได้รับประโยชน์สูงสุด

...

“ผมเห็นใจพี่น้องประชาชนทุกคนที่มีรายได้ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติสถานการณ์โควิดด้วย เรื่องโควิดผมก็เป็นกังวลเรื่องของการแพร่ระบาด แต่ก็อยู่ในกรอบที่ทางสาธารณสุขพิจารณาอยู่แล้วว่าต้องขึ้นอย่างนี้ไประยะหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดผมย้ำตอนนี้คือ สถานที่ในการรักษาพยาบาลจะต้องเพียงพอ ไม่ใช่เฉพาะโรงพยาบาลอย่างเดียว การรักษาพยาบาลที่บ้านก็มี Home Isolation, Community Isolation ถ้าไปคั่งในโรงพยาบาลมากๆ ก็คือปัญหา วันนี้เราก็ใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากในเรื่องการดูแลสุขภาพ มันก็จำเป็น หลายอย่างก็ลดลงไป งบประมาณลดลงไปเพื่อมาเติมตรงนี้ตรงนั้น นี่คือการบริหารของเรา”

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคร่วมรัฐบาล ที่ให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่อยากจะพูดในสังคมได้เข้าใจคือ เราต้องร่วมมือกันทำงาน ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน ต้องร่วมมือกันฟันฝ่าอุปสรรคของประเทศไปให้ได้ในเวลานี้ ทั้งโลกก็มีปัญหาเหมือนกัน มากบ้างน้อยบ้าง ตามศักยภาพของแต่ละประเทศ ต้องกลับมาดูศักยภาพของเรามีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ทำได้แค่ไหน หลายอย่างเราอาจจะทำได้ หลายอย่างอาจจะทำไม่ได้แบบเขา หลายอย่างอาจจะทำได้ดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่เคยปิดกั้นอะไรทั้งสิ้น.