ตัวแทนเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัด 4 ภาค ร้องถึงนายกฯ ขอรัฐบาลเร่งรัดออกอนุบัญญัติภายใต้ พ.ร.บ.ป่าชุมชน เดินหน้าขับเคลื่อนจัดการป่าชุมชน 13,000 แห่งทั่วประเทศ

วันที่ 15 ก.พ. 2565 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1111 สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนเครือข่ายป่าชุมชนระดับจังหวัด (องค์กรภาคประชาชน) จาก 4 ภาค นำโดย นายวินัย ชิดเชี่ยว ตัวแทนเครือข่ายภาคใต้ นายสีหา มงคลแก้ว ตัวแทนเครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายสฤษฎิ์ จิตนอก ตัวแทนเครือข่ายภาคกลาง และนายสุมัย หมายมั่น ตัวแทนเครือข่ายภาคเหนือ ร่วมยื่นหนังสือเพื่อแสดงข้อเรียกร้องต่อการขับเคลื่อน พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562 ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ เพื่อขอให้ประสานงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ช่วยเร่งการจัดทำอนุบัญญัติภายใต้ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562 เพื่อจะได้เดินหน้าขับเคลื่อนการจัดการป่าชุมชน 13,000 แห่งทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

โดยมีข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อ มีเนื้อหาดังนี้

...

1. ด้วยพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 ส่งผลดีและมีคุณค่ากับการบริหารจัดการป่าชุมชนเป็นอย่างมาก ส่งเสริมให้ชาวบ้านได้ร่วมกับภาครัฐในการอนุรักษ์ บริหารจัดการ และใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ชุมชนมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เกิดประโยชน์กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก อย่างเช่น การเก็บหาของป่า เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ อีกทั้งการเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐได้เดินหน้าต่อไปในบทบาทหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด หากในอนาคตเมื่อใช้กฎหมายป่าชุมชนไประยะหนึ่งแล้วเกิดปัญหาหรือติดขัดในประเด็นใด จึงค่อยรวบรวมหยิบยกมาเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้วพิจารณาแก้ไขให้ตรงตามปัญหานั้นๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานป่าชุมชนของเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และไม่กระทบต่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในภาพรวมของป่าชุมชนทั้งประเทศ

2. เครือข่ายป่าชุมชนระดับจังหวัดขอให้รัฐบาลเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองภายใต้พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากชะลอการออกกฎหมายลำดับรองจะส่งผลให้ชาวบ้านที่ดูแลป่าชุมชนและจดทะเบียนไว้กับกรมป่าไม้ได้รับผลกระทบจำนวนกว่า 13,000 หมู่บ้าน และยังมีอีกหลายหมู่บ้านหลายพื้นที่ที่กำลังจะยื่นขอจัดตั้งเป็นป่าชุมชนใหม่เพิ่มเติมก็จะสะดุด หรือไม่สามารถทำได้ ทำให้ชุมชนเหล่านั้นขาดโอกาสในการที่จะได้ดูแลรักษาป่าไม้ของชุมชน รวมทั้งขาดโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน อีกทั้งหากยังไม่มีกฎหมายลำดับรองออกมาจะทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนได้อย่างเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น และทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของชุมชนเหล่านั้นดีขึ้น

นายธีรภัทร เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาพื้นที่ป่า เพื่อให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและแหล่งที่อาศัยของสัตว์ป่า รวมทั้งเป็นแหล่งอาหารที่ลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนรอบป่า จึงขอขอบสมาชิกป่าชุมชนทุกคนที่ร่วมกับภาครัฐในการดูแลรักษาป่าทั่วประเทศ เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป ทำให้ทางกลุ่มพอใจและเดินทางกลับ.