“พล.อ.ประยุทธ์” สั่งเร่งวางโรดแมปสานต่อไทย-ซาอุดีอาระเบีย เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ กำชับต้องเป็นรูปธรรมใน 2 เดือน เชื่อมั่นต่อยอดความร่วมมือได้อีกมาก
วันที่ 14 ก.พ. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งวางโรดแมปเพื่อสานต่อความร่วมมือไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน และด้านแรงงาน ซึ่งเป็นด้านที่ทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยพิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีเพื่อผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้ขยายความร่วมมือผ่านการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ โดยด้านการค้าการลงทุน จะเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่สินค้าและธุรกิจของไทย ซึ่งล่าสุด กระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกของไทยไปยังซาอุดีอาระเบียในปี 2565 จะมีการขยายตัวกว่า 6.2% สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ถึงร้อยละ 15 และจะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการส่งออกสินค้าไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุน การทำธุรกิจและการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อต่อยอดไปยังสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักและทำการตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าไทยมีคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของซาอุดีอาระเบียได้โดดเด่นที่สุดในอาเซียน โดยมีสินค้าเป้าหมาย 3 ประเภทหลัก ได้แก่
...
1. สินค้าเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล เช่น ข้าว อาหารทะเลแปรรูป ไก่สด ผลไม้ กาแฟ ขนมจากน้ำตาล เครื่องปรุงรส อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช
2. สินค้าอุตสาหกรรม ประเภทยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า
3. ภาคบริการ ผ่านโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ ตลอดจนโรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ซึ่งไทยล้วนมีศักยภาพในการผลิตและพร้อมส่งออก รวมถึงผ่านซาอุดีอาระเบียไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ด้านความคืบหน้าแรงงานไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยเข้าทำงานในซาอุดีอาระเบีย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานกับสำนักงานแรงงานของประเทศซาอุดีอาระเบียในการหารายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน ประเภทงาน ระดับทักษะฝีมือ และคุณสมบัติเบื้องต้นของแรงงานที่นายจ้างซาอุดีอาระเบียมีความต้องการ รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพและปรับเพิ่มทักษะฝีมือแก่แรงงานไทย (upskill & reskill) เพื่อให้สอดรับกับความต้องการแรงงานของซาอุดีอาระเบีย พร้อมทั้งเปิดช่องทางรับลงทะเบียนแรงงานไทยที่สนใจเข้าทำงานผ่านเว็บไซต์ toea.doe.go.th ซึ่งเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ (Overseas Employment E-Service) และเว็บไซต์กรมการจัดหางาน ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปจะมีการลงนามระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการวางโรดแมปความร่วมมือด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อต่อยอดความร่วมมือจากการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องหารืออย่างครอบคลุม และรอบคอบด้วยการประสานงานจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งกำชับให้ติดตามความคืบหน้าและต้องมีการรายงานผลที่เป็นรูปธรรมภายใน 2 เดือนนี้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการดำเนินการของรัฐบาลไทยจะขยายต่อความร่วมมือไปยังด้านอื่นๆ ที่ทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพได้อีกมาก ต่อเนื่องสร้างพลวัตด้านความสัมพันธ์ไปยังอนาคต”.