ต้องลุ้นหนักจะรอดหรือล่ม สภาพรัฐบาลเรือเหล็กยังทุลักทุเล โคลงไปเคลงมาอยู่ในช่วงการเจรจาระหว่างกัปตันเรือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับลูกเรือก๊วนต่างๆจะช่วยกัน
ปะผุรอยรั่วให้เรือแล่นต่อได้หรือไม่
ตามอาการเฮี้ยวของลูกเรือหลายกลุ่มตั้งท่าต่อรองถี่ขึ้น แลกกับการลงเรือลำเดียวกันต่อไป
โดยเฉพาะกลุ่มคู่อริของกัปตันเรือ อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรค
พลังประชารัฐ ที่เพิ่งได้รับรองสถานะพรรคป้ายแดง “เศรษฐกิจไทย” มีที่นั่งในสภาเป็นทางการ ไม่อยู่ร่วมชายคาค่ายพลังประชารัฐ
เสียงทีม “ผู้กองนัส” มีราคาค่างวดขึ้นมาทันที เพราะไม่อยู่ใต้อาณัติมติพรรคเก่า ได้ออกลูกเขี้ยวยึกยักไปตามสถานการณ์ ทำให้ “กัปตันตู่” หวาดระแวงได้ตลอด
ขณะที่ขาใหญ่อีกก๊วน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข
กลับมาฮึดฮัด ตบๆจูบๆนำ 7 รัฐมนตรีทัพสีน้ำเงิน บอยคอตไม่ร่วมประชุม ครม. พิจารณาวาระต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี ที่ขบเหลี่ยมกันอยู่
...
ภูมิใจไทยได้ทีโชว์หล่อ เคลมแต้มประชาชน คัดค้านค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย เดินเกม
อารยะขัดขืนชนกระทรวงมหาดไทย ลูบคม “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บานปลายเป็นการเปิดศึกทะเลาะข้ามพรรค
เร่งปฏิกิริยารัฐบาล “ลุงตู่” ปริร้าวหนักขึ้น
ความขัดแย้งในเรือเหล็กปะทุหนัก “บิ๊กตู่” มีเรื่องให้ห่วงหน้าพะวงหลังเต็มไปหมด ต้องแก้เกมช็อตต่อช็อต ยังไม่รู้จะลากยาวต่อไปได้กี่น้ำ
ไม่ใช่แค่ฝ่ายบริหารป้อแป้ แต่ฝั่งนิติบัญญัติก็ร่อแร่พอกัน
ตามสภาพที่เห็นตรงหน้าสภาล่มซ้ำซาก เป็นครั้งที่ 17 อุตส่าห์เป็นเสียงข้างมาก แต่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โกลาหลกันทุกสัปดาห์
แม้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยกมือไหว้ขอร้องลูกพรรคให้เข้าร่วมประชุมสภา ก็ยังเข้าอีหรอบเดิม บ่งบอกคุณภาพ ถึงเป็นเสียงข้างมากก็ไม่สามารถฝากความมั่นใจอะไรได้เลย
ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ขัดแข้งขัดขาโหวตล้มกฎหมายฝ่ายเดียวกันมั่วไปหมด การขับเคลื่อนงานสภาล้มลุกคลุกคลาน ได้แค่ประคับประคองเอาตัวรอดไปวันๆ ทนสะบักสะบอมกันไป ไม่รู้จะแตกหักกันวันไหน
น่าห่วงทั้งเกมในรัฐบาลและในสภา ตามปฏิทินการเมืองช่วงกลางปี ตั้งแต่เดือน พ.ค. มีหลายอีเวนต์จะเกิดแรงปะทะ กระพือความรุนแรงไปสู่การล่มสลายของรัฐบาล ทั้งการอภิปรายงบประมาณรายจ่าย ปี 2566
หรือศึกใหญ่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล บิ๊กแมตช์ตัดสินอายุขัย “ลุงตู่” ต้องลุ้นกลุ่มกบฏผู้กองที่เคลื่อนไหวเป็นอิสระ จะยกมือไว้วางใจผู้นำตามสัญญาใจที่ให้ไว้กับ “บิ๊กป้อม” หรือไม่
ซ้ำยังมีตัวแปรพรรคเล็กพรรคน้อยจ้องโก่งค่ากล้วย อย่างที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยกเมฆมี 16 เสียง พร้อมโหวตสวนรัฐบาล บีบหัวใจ “บิ๊กตู่” อีกทาง
ตัวเล็ก ตัวใหญ่แข่งกันโชว์พาวข่ม “ลุงตู่” แบบหมดความเกรงใจ ถ้าทุกอย่างเข้าล็อก ทั้งฝ่ายค้าน ก๊วน “ธรรมนัส” และกลุ่มพรรคเล็ก ก็มีเสียงมากพอ สอย พล.อ.ประยุทธ์ตกเก้าอี้ได้
สถานการณ์ผู้นำยามเสียงปริ่มน้ำอาจชิงยุบสภาหนีเวทีซักฟอก ดีกว่าเสียคนหนักหากโดนโหวตร่วงกลางสภา
เว้นแต่มีเกมปาหี่ รอมชอมเกมอำนาจ ให้โควตา ครม. อีกฝ่ายเพื่อยื้อลมหายใจ แต่ต้องแลกมาด้วยเสียงโห่
อาการสนิมเนื้อในลามหนักช่วงปลายเทอมรัฐบาล ประดังกับปัญหานอกสภาม็อบปากท้อง ม็อบรถบรรทุก ม็อบเกษตรกร ม็อบแท็กซี่ หายใจรดต้นคอมาติดๆ
ลามถึงภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมก็ยังไม่ทน ส่ายหน้ากับเสถียรภาพรัฐบาล บอกถึงจะยุบสภาก็ไม่ส่งผลลบทางเศรษฐกิจเพราะไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกแล้ว
เสนอหนทางให้รีบเลือกตั้งใหม่ ให้มีรัฐบาลสมัยหน้าใหม่กลับมามีเอกภาพโดยเร็ว
ปัญหาปากท้องชาวบ้าน ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ใกล้จุดติดร่วมเขย่าเสถียรภาพผู้นำ แรงกดดันศึกใน–ศึกนอกพุ่งใส่ “บิ๊กตู่” กระทบการไปต่อ
กลุ่มคนที่สนับสนุนเหลือแค่ “ติ่งลุง” คนรอบตัวที่มีผลประโยชน์
เกาะเกี่ยวเท่านั้น แต่กลุ่มการเมืองอื่นๆในพรรครู้แก่ใจชื่อ “ประยุทธ์” หมดราคาไปต่อ เอาไปใช้หาเสียงลำบาก
ถึงขณะนี้ยังไม่ชัวร์ขั้วพลังประชารัฐจะส่งชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯอีกรอบหรือไม่ จำเป็นต้องหาทางหนีทีไล่ ตั้งพรรคใหม่เป็นอะไหล่สำรองกรณีฉุกเฉินไว้ก่อน
เส้นทาง “บิ๊กตู่” อยู่บนเส้นด้าย ตกเป็นเบี้ยล่างเกมต่อรองทุกฝ่าย ยิ่งยามเสียงปริ่มน้ำ ทุกคะแนนมีค่ามีราคา อาจต้องใช้กล้วยแลกแต้ม เพื่อความอยู่รอด
หันไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา ใครๆก็รุมบีบไข่ “ลุงตู่”.
ทีมข่าวการเมือง