รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย เผย ส.ส.พรรคหายจากโควิดแล้ว สวน "มาดามเดียร์" รู้บทบาท อย่าปีนเกลียว ปัดแจงปม รถไฟฟ้าสายสีเขียว ชี้ ยังมีเวลาเคลียร์ ยันไม่ส่งผลการร่วมรัฐบาล

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 ก.พ. 2565 ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงการรักษาองค์ประชุมในสภาฯว่ า พรรคภูมิใจไทยขออภัยกรณีที่ผ่านมา มีส.ส.ของพรรคติดโควิด แต่ขณะนี้ส.ส.พรรคที่ติดเชื้อ ได้หายเป็นปกติ และกลับมาพร้อมทำหน้าที่ในสภาฯ ทุกคนแล้ว ยืนยันว่าที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยไม่มีส่วนทำให้สภาฯ ล่ม

ส่วนกรณีน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุพาดพิง 7 รัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย พิจารณาตนเองว่า ควรร่วมรัฐบาลหรือไม่ หลังบอยคอตประชุม ครม.เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า คนที่ได้รับเรียกว่ามาดาม ถือเป็นคนที่ประชาชนให้เกียรติ ก็ต้องรู้จักให้เกียรติตัวเองด้วย ตนขอเตือนสติในฐานะ ส.ส. ที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ไม่ได้โกรธกันว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของ ครม. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ ส.ส.ที่มีหน้าที่ออกกฎหมาย แต่เมื่อเรื่องใดก็ตามเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ น.ส.วทันยา สามารถวิจารณ์ได้ จึงต้องรู้จักสถานะ บทบาทหน้าที่ตัวเอง ว่า เวทีไหนควรพูดหรือไม่ ถ้าส.ส.ทุกคนวิจารณ์รัฐบาลฝ่ายบริหาร บ้านเมืองคงวุ่นวาย ต้องแยกกันให้ออก อย่าไปก้าวก่ายฝ่ายบริหาร ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารก็อย่ามาล้วงลูก ส.ส. เตือนสติกันได้ แต่อย่าปีนเกลียว เพราะการร่วมรัฐบาล หรือถอนตัวร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรค ส.ส.ของพรรค ไม่ใช่หน้าที่ น.ส.วทันยา

เมื่อถามว่า ในการคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว พรรคภูมิใจไทยจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ส.ส.อย่างตนไม่ทราบ เป็นหน้าที่รัฐมนตรีของพรรค ที่จะต้องหารือกับนายกฯ แต่เท่าที่ทราบวาระเรื่องนี้เข้ามาเมื่อวันจันทร์ที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา และเข้าสู่การพิจารณาในครม.ในวันอังคารที่ 8 ก.พ. จึงไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนถูกมัดมือชก สถานการณ์บีบ อาจทำให้ลำบากในอนาคต

...

ส่วนถามว่า จะส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ไม่ใช่ปัญหา เราคุยกันได้ ตนไม่ทราบว่า เหตุผลที่แท้จริงในการค้าน แต่มองว่า น่าจะมาจากค่าโดยสารที่สูง จนกระทบประชาชน ซึ่งยังมีเวลาคุยให้ลงตัว ส่วนที่มีการมองกันว่า ทำไมไม่เข้าไปโต้แย้งในที่ประชุม ครม. แทนการบอยคอตนั้น เราถอยมาตั้งหลักดีกว่า เพราะหน้างานจริงๆ สุดท้ายแล้วปากเสียงไม่สำคัญเท่ามติร่วมกันในที่ประชุมที่จะออกมาว่าเอาหรือไม่ และเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรค เพราะการเลือกตั้งยังอีกนาน เราเน้นการทำงานที่มีผลสัมฤทธิ์ดีกว่า