ศบค. แจงขั้นตอนการลงทะเบียน Test & Go ผ่าน Thailand Pass พิจารณาหลักฐานสำคัญ 2 ส่วน เผย ฉีดวัคซีนเด็ก 5-11 ปีกลุ่มเปราะบางแล้ว 44,000 คน วันนี้เริ่มฉีดในเด็กสุขภาพดี

วันที่ 7 ก.พ. 2565 แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีการลงทะเบียน Test & Go ผ่านทาง Thailand Pass มีขั้นตอนในภาพรวมอย่างไร หลังจากที่ประชุม ศบค. มีมาตรการผ่อนคลายและเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา พบว่าขณะนี้มีคนขออนุมัติกว่า 15,000 ราย/วัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสามารถเดินทางมาได้จากทุกประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ส่วนการขอเข้าประเทศไทยต้องผ่านระบบ Thailand Pass ซึ่งดูแลโดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 

สำหรับ Thailand Pass พิจารณาหลักฐานที่สำคัญ 2 ส่วน ได้แก่

1. หลักฐานการจองโรงแรม ซึ่งต้องได้มาตรฐาน SHA Extra+ ซึ่งต้องมีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการที่สามารถตรวจ RT-PCR แก่นักท่องเที่ยวที่มาถึงได้ 2 ครั้ง คือวันแรกที่มาถึง กับวันที่ 5 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยช่วยตรวจหลักฐาน 

...

2. หลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยขั้นตอนนี้กรมควบคุมโรคจะช่วยตรวจหลักฐาน

เมื่อ 2 หลักฐานนี้ครบถ้วน จึงจะส่งหลักฐานกลับไปยังกรมการกงสุล เพื่อตรวจพิจารณาหลักฐานอื่นๆ เช่น ประกันชีวิต เป็นต้น ขณะที่กรมการกงสุล จะสามารถออก QR Code ให้เมื่อหลักฐานทุกอย่างผ่าน โดยหลังจากยื่นหลักฐานแล้ว จะใช้เวลาในการตรวจหลักฐานประมาณ 7-14 วัน เนื่องจากมีคำขอเข้ามาจำนวนมาก หากยื่นหลักฐานเกิน 7 วันและยังไม่ได้หลักฐาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กรมการกงสุล เบอร์ 02-572-8442, 065-205-4247 ถึง 4249 หรืออีเมล support@tp.consular.go.th หากอยู่ต่างประเทศ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ในประเทศที่พำนัก

ในส่วนของนโยบายการฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้เก็บข้อมูลแยกตามอายุ แยกตามกลุ่มผู้ติดเชื้อตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการระบาด โดยอัตราการติดเชื้อของเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี ระลอกแรก (ม.ค. 2563 - 30 พ.ย. 2563) อยู่ที่ 1.4% ระลอกที่ 2 (1 ธ.ค. 2563 - 31 มี.ค. 2564) ลดลงเหลือ 1% ระลอกที่ 3 (1 เม.ย. 2564 - 31 ธ.ค. 2564) เพิ่มขึ้นเป็น 6.2% และล่าสุดระลอกสายพันธุ์โอมิครอน (1 ม.ค. 2565 - 2 ก.พ. 2565) เพิ่มเป็น 6.6%

ทั้งนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราการติดเชื้อในเด็กอายุ 12-17 ปี ระลอกแรก 1.8% ระลอกที่ 2 1.4% ระลอกที่ 3 5.6% และล่าสุดระลอกโอมิครอน 5.9% โดยสรุปคือ ในกลุ่มเด็กอายุ 5-17 ปี มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2563 และ 2564 ซึ่งตอนนี้มีนโยบายเร่งรัดฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 12-17 ปี มากขึ้น
 
แพทย์หญิงสุมนี ระบุต่อไปว่า นอกจากมีการอนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ฝาสีส้มในเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี และไฟเซอร์ฝาสีม่วงในเด็กวัยรุ่น ล่าสุด คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้ใช้วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผ่านมา โดยมีข้อสรุปสูตรการฉีดดังนี้

  • วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม เด็กอายุ 6-17 ปี ใช้ขนาด 0.5 ml เข้ากล้าม ห่างกัน 4 สัปดาห์
  • วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม 2 เข็ม เด็กอายุ 5-11 ปี ให้ใช้ฝาส้ม ขนาด 10 ไมโครกรัม 0.2 ml ห่างกัน 8 สัปดาห์
  • วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้มในเด็กป่วย ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกุมารแพทย์
  • วัคซีนไฟเซอร์ฝาม่วง เด็ก 12-17 ปี ให้ใช้ฝาสีม่วง ขนาด 30 ไมโครกรัม 0.3 ml ห่างกัน 3-4 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่ได้การรับรองจาก อย. มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน ขอให้ผู้ปกครองเลือกรับวัคซีนได้ตามความสมัครใจ แต่ให้พิจารณาตามช่วงอายุของบุตรหลานท่าน

ขณะที่การฉีดไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปี ที่ประเทศไทยเริ่มฉีดให้กลุ่มเด็กป่วยตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 และฉีดไปแล้วกว่า 44,000 คน โดยวันนี้จะเป็นวันแรกที่เริ่มฉีดให้กับกลุ่มเด็กสุขภาพดีอายุระหว่าง 5-11 ปี พร้อมกันนี้ ขอให้ผู้ปกครองติดตามข่าวสารในพื้นที่ที่อยู่เพื่อความปลอดภัยของบุตรหลาน
 
ในช่วงท้าย ผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. ระบุว่า วันที่ 11 ก.พ. นี้ จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุม ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารเรื่องมาตรการหลังจากการประชุมได้ในช่วงบ่ายหลังจากการประชุมโดย นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.