“เจ๊หน่อย” ท้า “ประยุทธ์” ไขก๊อก โอ่เป็น นายกฯจะทำให้ดู แจกบำนาญคนแก่เดือนละ 3,000 บาท ลดภาระลูกหลาน ปั่นกำลังซื้อกระตุกชีพจรเศรษฐกิจ “พงศกร” คุยข่มมีทีเด็ดซุ่มอีกเยอะ นายกฯได้ตกใจอีกหลายตลบ สอนเชิงหั่นงบฯซื้ออาวุธเพิ่มเงินอุ้มคนชรา 11.6 ล้านคน “โฆษกรัฐบาล” ตอกนโยบายทิพย์เกิดจริงยาก สร้างภาระงบฯรัฐมหาศาล “แรมโบ้” เฉ่งสักแต่หาเสียงตีกิน หมิ่นเหม่ต้มตุ๋นประชาชน “ประยุทธ์” ปลื้ม ส.ค.ส.เด็กๆเชียร์อยู่ต่อนั่งนายกฯ “กรณ์” หวังสูงปักธง ส.ส.หลักสี่ วัดอารมณ์คนกรุง “อดีต ผกก.หนุ่ย” ลุยเลือกตั้งซ่อมชุมพรเดือด โวยอิทธิพลสกปรกชายชุดดำสาดกระสุน 9 มม.ใส่รถแห่ ขณะขับผ่าน รพ.ค่ายเขตอุดมศักดิ์ “พิธา” เข้าค่ายทหารขอเสียง ดันปรับกองทัพยุคใหม่

ฝ่ายรัฐบาลยังคงตำหนินโยบายแจกเงินบำนาญให้ประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ของพรรคไทยสร้างไทยว่า เป็นการหาเสียงเกินจริง เพื่อหวังผลคะแนนนิยมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ระบุโครงการดังกล่าวทำได้จริง พร้อมท้าให้นายกฯลาออกจะทำให้ดู

...

“บิ๊กตู่” บี้อีอีซีไม่ให้ค้างคาก่อน ลต.

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมด้วยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอสวัสดีปีใหม่อีกครั้ง แล้ววันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งได้ผลการดำเนินการที่ปรากฏอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จและจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ไม่อยากให้มีอะไรค้างคาเพราะจะทำให้งานช้าลงไปอีก

ทำเนียบฯฉลองวันเด็กออนไลน์

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ทำเนียบรัฐบาลได้จัดงานฉลองในรูปแบบออนไลน์และถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 8 ม.ค. เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นายกฯพบเยาวชน พาเด็กเล็ก 5 คนเยี่ยมชมห้องทำงานเปิดให้ลองนั่งเก้าอี้นายกฯ แล้วพบผู้แทนเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ มีตัวแทนเยาวชน 5 คน กล่าวข้อเสนอต่อนายกฯจากนั้นตัวแทนเยาวชนในโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี จะเสนอบทสรุปด้วยการขับร้องเพลงฉ่อย รวมถึงมีกิจกรรมขับร้องและบรรเลงเพลงของเยาวชน อาทิ เพลงพระราชนิพนธ์รัก ชะตาชีวิต Heal the World ความฝันอันสูงสุด และวง the Wonder ที่เกิดจากการรวมตัวของผู้พิการจะร้องเพลงจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน และเพลง Auld Lang Syne และยังมีกิจกรรมมอบของขวัญจากนายกฯ “คาราวานปันสุข” ได้มอบหมายให้ ผวจ.และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นตัวแทนส่งมอบให้เด็กชายขอบและเด็กใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เด็กกำพร้าและเด็กพิเศษ

“ธนกร” ฉะนโยบายทิพย์บำนาญ ปชช.

นายธนกรกล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ระบุบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท พรรคไทยสร้างไทยสร้างขึ้นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย พร้อมท้าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมลาออกแล้วจะทำให้ดูว่า ในที่สุดคุณหญิงสุดารัตน์ก็ยอมรับเสียทีว่าอยากเป็นนายกฯ ผิดหวังแนวนโยบายพรรคไทยสร้างไทย เหมือนเป็นนโยบายทิพย์ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ยาก น่าจะส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินจะดีกว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนเสนอมาที่กระทรวงการคลังหลายครั้ง แต่โดยหลักการการให้เงินบำนาญประชาชนทุกคน 3,000 บาท ทำไม่ได้และไม่ควรทำ จะสร้างภาระต่องบประมาณรัฐมหาศาล เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว นายกฯจึงแนะนำให้ประชาชนทุกช่วงวัยรู้จักการออมเพื่อความมั่นคงระยะยาว

“แรมโบ้” เฉ่งตีกินจะเอางบฯที่ไหน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯกล่าวว่า ในที่สุดแสดงธาตุแท้ว่าอยากเป็นรัฐบาล อยากเป็นนายกฯหญิงคนที่ 2 ถ้าคิดว่าทำได้จริง ทำไมช่วงเป็นรัฐบาลไม่คิดทำ อย่าสักแต่ว่าได้พูดไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมา เป็นอดีตรัฐมนตรีมาแล้ว น่าจะรู้ดีว่ามันจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือไม่ อย่าพูดหาเสียงไปก่อนเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดด้วย งบฯจะเอามาจากตรงไหน วิธีไหนบอกด้วย อย่ามาหาเสียงเพื่อตีกิน ประชาชนรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว เลิกเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นได้แล้ว หาเสียงแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมายต้มตุ๋นประชาชนหรือไม่ กกต.ควรมีบทลงโทษพรรคการเมืองเช่นนี้เด็ดขาดถึงขั้นยุบพรรคไปเลยหรือไม่

ปลื้ม ส.ค.ส.เด็กๆเชียร์ “ลุงตู่”อยู่ต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำ ส.ค.ส.บางส่วนที่เด็กนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆส่งถึงนายกฯเป็นประจำทุกปี เผยแพร่ผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลและเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ส่วนใหญ่เป็น ส.ค.ส.ที่วาดภาพนายกฯในอริยาบถต่างๆ พร้อมเขียนคำอวยพรปีใหม่ อาทิ ขอให้ลุงตู่สุขภาพร่างกายแข็งแรง ขอให้พ้นจากโรคโควิด-19 ขอให้มีความสุขมากๆ อยู่กับพวกเราไปนานๆ ขอให้อยู่เป็นนายกฯของชาวไทยต่อไป เป็นนายกฯตลอดไป โดยได้นำ ส.ค.ส.เหล่านี้ มาจัดแสดงที่ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล เช่นเดียวกับทุกปี

“เจ๊หน่อย” โต้เป็นนายกฯทำได้แน่

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงดึกวันที่ 6 ม.ค.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม สั่งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯตรวจสอบนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ของพรรคไทยสร้างไทยว่าผิดกฎหมายหรือไม่ว่าลงพื้นที่หาเตียงให้ชาวบ้านที่ติดโควิดทั้งวัน ไม่ได้ Work From Home เลยไม่เห็นข่าวดังกล่าว ยืนยันว่าถ้าไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล ตนเป็นนายก รัฐมนตรีทำได้แน่นอนทันที พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกตนจะทำให้ดูบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท พรรคไทยสร้างไทยสร้างขึ้น เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย ให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เป็นการลดภาระลูกหลาน เป็นการสร้างกำลังซื้อ ทำให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจ โดยผู้สูงวัยที่ได้รับบำนาญ 3,000 บาทต่อเดือน ต้องเข้าโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อให้เป็นผู้สูงวัยมีสุขภาพแข็งแรง กลับมาทำงานได้ ช่วยเหลือครอบครัวช่วยเหลือสังคมได้ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ที่สำคัญจะเพิ่มพลังเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่เป็นโครงการประชารัฐหรือประชานิยมที่คิดแค่แจกเงินแบบสูญเปล่าไม่ส่งผลให้เกิดการสร้างสุขภาพดีให้กับผู้สูงวัย รวมทั้งการสร้างงานและสร้างรายได้ให้ผู้สูงวัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรไทย

มีทีเด็ดอีกอื้อ “บิ๊กตู่” ตกใจอีกหลายหน

นายพงศกร อรรณนพพร แกนนำพรรคไทยสร้างไทยให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกรัฐบาลออกมาระบุบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท เป็นนโยบายทิพย์ไม่สามารถดำเนินการได้ว่า เรามีนโยบายดีๆ เช่นนี้อีกจำนวนมาก นายกฯคงได้ตกใจอีกหลายรอบ มันถึงเวลาประเทศเราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว แต่รัฐบาลขาดการดูแลส่วนนี้ จัดงบฯไม่ตรงกับโจทย์ทางเศรษฐกิจเลย ตนเป็นกรรมาธิการงบประมาณปี 64 เห็นการจัดงบฯแล้วใจหาย เพราะล้าหลัง กู้มาเพื่อแจกจ่าย ไม่มีอะไรแตกต่าง ที่ว่าเป็นนโยบายทิพย์นั้นขอชี้แจงว่าเราไม่ได้คิดขึ้นมาแบบดื้อๆ แต่เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาศึกษากันเป็นเวลานานกว่าจะออกนโยบายออกมา

จ่อหั่นงบฯอาวุธอุ้มผู้เฒ่า 11.6 ล้านคน

“วันนี้ประเทศไทยมีคนชราประมาณ 11.6 ล้านคน ใช้งบฯจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุประมาณ 9 หมื่นล้านต่อปี ถ้าเพิ่มเป็นบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท จะใช้งบฯประมาณ 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มจากเดิมราว 2.5 แสนล้านบาท ถามว่าเงินตรงนี้หาจากไหน ปรับลดงบฯที่ไม่จำเป็นออกได้และเงินเหล่านี้จะทำให้มีการหมุนเงินในระบบได้หลายรอบ รัฐบาล จัดเก็บภาษีได้เพิ่มเติมอีก ดีกว่านำเงินไปซื้ออาวุธเป็นไหนๆ ปัจจุบันสภาฯมีคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการดูแลผู้สูงอายุอยู่ ตัวเลขการดูแลของเขา สูงกว่าที่เราวางนโยบายไว้เสียด้วยซ้ำ ยืนยันนโยบายนี้ผ่านการศึกษามาอย่างรอบคอบและทำได้จริง” นายพงศกรกล่าว

พท.จี้เลิกหว่านเงินเอาไปช่วย ปชช.

นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มทวีความรุนแรง ส่งผลให้รัฐบาลต้องปิดรับนักท่องเที่ยวนานขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วต้องทรุดหนัก นอกจากคนตกงานจะไม่มีรายได้ คนจนพุ่งขึ้นแล้ว ค่าครองชีพยังสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อโลก จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม รู้สภาวะเศรษฐกิจแท้จริง จะได้แก้ไขปัญหาถูกต้อง การแจกเงินโครงการต่างๆต้องเลิกแล้วไม่เกิดประโยชน์และไม่เกิดการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อเครื่องบินรบ F35 ยิ่งต้องยกเลิกไปก่อน ขนาด ผบ.ทร.ยังสั่งถอยเรื่องเรือดำน้ำและต้องช่วยประชาชนให้มีรายได้ประคองชีวิตก่อน คงไม่สมเหตุสมผลที่คนในประเทศตกงานกันมาก แต่รัฐบาลจะนำเงินไปซื้ออาวุธ ควรนำเงินมาพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานจะเป็นรายได้มั่นคงให้ประชาชนจะดีกว่ามาก

“กรณ์” หวังสูงปักธง ส.ส.หลักสี่

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม 3 เขต ทั้ง กทม. เขต 9 ชุมพร เขต 1 และสงขลา เขต 6 ว่า พูดตามตรงโอกาสสูงสุด อยู่ที่การเลือกตั้งซ่อม กทม. ขณะที่พื้นที่ จ.ชุมพรกำลังลุ้นอย่างสูสีระหว่าง 3 พรรค คือพรรคกล้า พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่ จ.สงขลาถือว่ากระแสตอบรับเราดีมาก แต่เป็นที่ทราบกันปัจจุบัน จ.สงขลา เป็นการแข่งขันกันในอีกมิติหนึ่ง ทำให้พรรคเราที่ไม่มีการจัดตั้งไม่มีการซื้อเสียงทำงานยากมาก โดยรวมเราคาดหวังสูงจากการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต อย่างน้อยที่สุดจะทำให้ประชาชนได้รู้จักและเข้าใจพรรคกล้า สำคัญสำหรับพรรคใหม่ต้องทำให้ได้มากที่สุด ใช้ทุกเวทีแนะนำตัว วิธีคิดการทำงานให้ประชาชนก่อนเลือกตั้งใหญ่ การเลือกตั้งซ่อมการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิ จะแตกต่างจากการเลือกตั้งใหญ่ แต่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่ดีระดับหนึ่ง อีก 9 วันจะรู้ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพรและสงขลา เราต้องเน้นเขตที่เรามีโอกาสชนะมากกว่า แต่ประชาชนมีโอกาสจะเลือกพรรคกล้าแบบบัญชีรายชื่อได้

“อรรถวิชช์” อ้อนถ้าแพ้กระเทือนแน่

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้าและผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร กล่าวว่า ยอมรับว่าเสี่ยงกับผลเลือกตั้งที่จะออกมา แต่เมื่อได้หารือกันในพรรค และคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วคิดว่าตนชำนาญในพื้นที่นี้ดีที่สุด จึงตัดสินใจเดินหน้าลุย หากการเลือกตั้งครั้งนี้เดิมพันสูง หากตนแพ้ย่อมมีผลสะเทือนใหญ่ทางการเมืองแต่หนีไม่ได้ ความที่เราเป็นพรรคกล้า บ้าบิ่นอยู่พอสมควร จึงต้องกล้าต้องเสนอตัวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้ประชาชนพื้นที่หลักสี่-จตุจักร เราเป็นพรรคใหม่ต้องมีดีเอ็นเอ มีอินเนอร์ถึงจะอยู่ได้ ไม่ได้สร้างพรรคด้วยการไปซื้อตัวเหมือนทีมฟุตบอล หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะฉีกและเปลี่ยนมิติการเมืองแบบเดิมๆ

สื่อถึงผู้มีอำนาจเปลี่ยนการเมือง

ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่ จ.สงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงช่วยนายพงศธร สุวรรณรักษา หรือทนายอาร์ม ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 ที่ลานอเนก ประสงค์ศาลาบ้านดิน ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยนายกรณ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการเมืองคุณภาพที่พรรคกล้านำเสนอ แม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อม แต่การออกเสียงของประชาชนบอกถึงรัฐบาลและพรรคต่างๆว่า ประชาชนต้องการอะไร เช่นการเลือกตั้งซ่อมในอังกฤษ ที่เขต North Shropshire พรรครัฐบาลยึดครองที่นั่งได้มากกว่า 200 ที่นั่ง แต่ผลเลือกตั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือน ธ.ค.64 พรรครัฐบาลพ่ายแพ้เพียงไม่กี่ครั้งในรอบ 200 ปี ชี้ให้เห็นว่าการเลือกตั้งซ่อมสื่อสารถึงผู้มีอำนาจแสดงความรู้สึกว่าประชาชนกำลังรู้สึกและต้องการแบบไหน

ด้านนายพงศธรกล่าวว่า ทำงานในพื้นที่ในฐานะทนายความมาตลอด ทั้งการช่วยเหลือประชาชนคนตัวเล็กๆที่ถูกเอาเปรียบ เช่น กรณีเลิกจ้างพนักงาน 200 คน หรือการช่วยเหลือสตรี และเด็กที่ถูกละเมิดพร้อมขอให้ประชาชนเลือกผู้แทนฯ ที่เป็นตัวแทนประชาชนที่แท้จริง เข้าใจชีวิต ปัญหาและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ เพื่อไปเป็นปากเสียงในฐานะร่างทรงของประชาชน” นายพงศธรกล่าว

“พิธา” ลุยค่ายทหารหาเสียงสงขลา

ขณะที่ช่วงเช้าที่กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคนำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ไปช่วยรณรงค์หาเสียงให้นายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลาเขต 6 เบอร์ 2 โดยเปิดเวทีปราศรัย พร้อมพบปะครอบครัวทหารในค่าย บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีนายทหารทั้งระดับชั้นประทวนและสัญญาบัตร ร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ผลักดันปรับลุคกองทัพยุคใหม่

นายพิธากล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เรายืนยันว่าเราต้องการอยู่เคียงข้างกองทัพ แต่ต้องเป็นกองทัพที่ทันสมัย กองทัพที่อุ้ยอ้ายมีพลทหารมากเกินไป คงไม่สามารถมีงบซื้อเครื่องมือที่ทันสมัยได้ กองทัพในศตวรรษที่ 21 คือกองทัพที่อยู่คู่กับประชาธิปไตยอย่างคู่ขนาน ไม่ได้ทับเส้นซึ่งกันและกัน ความเสียสละความกล้าหาญของพลทหารควรอยู่คู่กับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เรื่องราวของพลทหารที่เสียชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าในค่ายทหารคงจะต้องหมดไปในศตวรรษที่ 21 ความมั่นคงของกองทัพจำเป็นต้องอยู่คู่กับความมั่นคงของทหารชั้นผู้น้อย เราต้องการสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับทหารชั้นผู้น้อย เชื่อว่านายธิวัชร์ดำแก้ว ที่อยู่เบื้องหลังการอภิปรายในสภาฯของตนมาตลอด 3 ปีจะอยู่เคียงข้างและเป็นปากเป็นเสียงแทนทหารทุกชั้นยศ

นายธิวัชร์กล่าวว่า หากได้เข้าไปเป็นผู้แทนฯจะต้องผลักดันปัญหาในพื้นที่ อาทิ กลิ่นจากโรงงานยางพารา ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเรื่องของบ่อขยะที่อยู่บนต้นน้ำในเขต อ.สะเดา ถึงเวลาแล้วที่สงขลา เขต 6 ต้องเปลี่ยน สุดท้ายขอแรงสนับสนุนจากพ่อแม่พี่น้อง ให้ได้เข้าไปเป็นผู้แทนฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของพี่น้องสะเดา-คลองหอยโข่งให้ดีกว่าที่เป็นอยู่

ชุมพรดุลอบยิงรถแห่พรรคกล้า

ที่ จ.ชุมพร พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ หรืออดีตผู้กำกับหนุ่ย ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 ม.ค. มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถแห่หาเสียงของตน ที่ถนนเส้นชุมพร-ระนองอย่างอุกอาจ เหตุการณ์ก่อกวนลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกทำลายป้ายหาเสียงในเขตเลือกตั้งหลายป้าย ครั้งนี้ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถตระเวนหาเสียง โชคดีไม่ถูกทีมงานหาเสียง หลังเกิดเหตุทีมงานได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นตรวจพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐานและจะสืบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป ไม่คิดว่าจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้อยู่ แต่ยืนยันยังมีกำลังใจที่ดีและพร้อมสู้เต็มที่เดินหน้าหาเสียงจนถึงวันเลือกตั้ง ไม่หวั่นต่ออิทธิพลมืดใดๆ

“ผกก.หนุ่ย” ลั่นไม่หวั่นอิทธิพลสกปรก

ด้านนายกมลรัตน์ พรหมสุวรรณ ผู้ขับรถแห่รับจ้างคันที่ถูกยิงใส่ เปิดเผยว่า ระหว่างขับรถแห่ผ่านโรงพยาบาลค่ายเขตอุดมศักดิ์ มณฑลทหารบกที่ 44 บนถนนเส้นชุมพร-ระนอง เวลา 14.30 น. ได้มีคนร้ายสวมชุดสีดำ สะพายเป้ ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน และใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่รถแห่หาเสียงที่ขับอยู่ 3 นัด เดชะบุญกระสุนพลาดเป้าไปโดนรถแห่ทั้ง 3 นัด จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ได้โทร.แจ้ง “ผู้กำกับหนุ่ย” และแจ้งให้ตำรวจในพื้นที่มาตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ

หน.พรรคกล้าโวยหมาลอบกัด

ต่อมาเวลา 18.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีมีมือมืดยิงรถหาเสียงของพรรคกล้าที่ จ.ชุมพรว่าเป็นพฤติกรรมของหมาลอบกัดไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ ซ้ำยังเป็นแนวการเมืองตกยุคใช้ความรุนแรงข่มขู่คุกคามทั้งที่งานการเมืองทุกอย่างอยู่ที่พี่น้องประชาชนจะตัดสินเลือก ทั้งนี้ได้รับรายงานว่ารถคันดังกล่าวมีนายกมลรัตน์ พรหมสุวรรณ อายุ 48 ปี เป็นผู้ขับรถแห่รับจ้าง ระหว่างขับรถแห่ผ่านโรงพยาบาลค่ายเขตอุดมศักดิ์ มณฑลทหารบกที่ 44 บนถนนเส้นชุมพร-ระนอง เวลาประมาณ 14.30 น. มีคนร้ายสวมชุดสีดำ สะพายเป้ ขี่รถจักรยานยนต์และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่จำนวน 3 นัด เคราะห์ดีกระสุนพลาดไม่ถูกคนขับ แต่ไปโดนรถทั้ง 3 นัดจึงไม่มีใครรับบาดเจ็บ

พปชร.จัดคิว “บิ๊กป้อม” ล่องใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่าการลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ทั้งการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 ชุมพรและเขต 6 สงขลา พล.อ.ประวิตรจะลงไปช่วยหาเสียงจังหวัดละ 2 ครั้ง ใช้เวลาหลังการตรวจราชการแล้วเสร็จและหลังเวลาราชการ พร้อมมีแกนนำพรรคบางส่วนติดตามลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียงด้วย โดย จ.ชุมพร เวลา 18.30 น. วันที่ 7 ม.ค. พล.อ.ประวิตร จะไปช่วยหาเสียงที่สถานีรถไฟสวี จ.ชุมพร และลงพื้นที่อีกครั้งวันที่
12 ม.ค. ส่วนเขต 6 สงขลา พรรคได้เตรียมจัดเวทีปราศรัยไว้ที่เทศบาลเมืองบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันที่ 10 ม.ค. และอีกครั้งวันที่ 14 ม.ค.เตรียมจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่เทศบาลเมืองสะเดา จ.สงขลา อยู่ระหว่างรอการตอบรับจาก พล.อ.ประวิตร

กกต.ยื่นศาล รธน.ยุบ “ไทรักธรรม”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งยุบพรรคไทรักธรรม ในความผิดตามมาตรา 92 (3) ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง กรณีให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจบุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง โดย กกต.ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าพรรคไทรักธรรมมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็น การจูงใจด้วยทรัพย์สินเพื่อให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ก่อนหน้านี้ กกต.มีมติดำเนินคดีอาญาไปแล้ว

รับเงินอุดหนุนแล้วตุกติกยุบสาขา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้พบว่าการยื่นขอรับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองปี 2564 ที่มาตรา 83 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณเงิน เพื่อจัดสรรหาให้พรรคการเมือง โดย (4) ให้ใช้จำนวนสาขาพรรคการเมืองมาเป็นเกณฑ์ด้วย หลังพรรคไทรักธรรมแจ้งข้อมูลจำนวนสาขาพรรคของปี 2563 ต่อ กกต.ว่ามีสาขาพรรคกว่า 100 แห่งมากกว่าทุกพรรค แต่ภายหลังจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง มีมติอนุมัติวงเงินสนับสนุนไปแล้ว พบว่าพรรคไทรักธรรมมีหนังสือแจ้งขอยกเลิกสาขาพรรค 79 สาขามายัง กกต.ทั้งที่เจตนารมณ์ของการจัดสรรเงินกองทุนฯที่กฎหมายกำหนดต้องการให้พรรคการเมืองนำเงินที่ได้ไปบำรุงสาขาพรรค การที่พรรคมาขอยกเลิกสาขาหลังได้รับอนุมัติวงเงินอุดหนุนแล้วถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์