เพิ่งจะเขียนดักคอไปเมื่อวันก่อน คล้อยหลังไม่เท่าไหร่ ก็เอาซะจนได้กับสารพัดปมร้อนที่จะเร่งปฏิกิริยาให้รัฐบาลต้องเคาต์ดาวน์เร็วขึ้น

โดยเฉพาะจากปัจจัยภายใน ปมปัญหาจากตัวรัฐบาลเอง ที่ยังมีร่องรอยความขัดแย้งกระทบกระทั่งกันในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล

กับศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ที่ นายราเมศ รัตนะ เชวง โฆษกประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผอ.เลือกตั้งประสานงานส่วนกลาง ออกมาโวยวายว่ามีทหารกว่าร้อยนายเข้าไปจุ้นจ้านในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร

ลักษณะเข้าไปกดดันการรณรงค์หาเสียงของพรรคจนผิดปกติ

มีการแฉชื่อ “เสธ.ต” ออกมา พร้อมเรียกร้องให้ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ตรวจสอบ

ซึ่งก็ทำให้ทีมโฆษกของกองทัพบกต้องรีบชิงปฏิเสธไว้ก่อน

ไม่ทันข้ามวัน พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ มทภ.4 ก็ออกมาแถลงยืนยันว่าไม่มีอะไร และมีคำสั่งเด็ดขาดไปแล้ว ห้ามทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมือง ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง ตามนโยบาย ผบ.ทบ.

“จริงๆแล้วก็พรรคพวกกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน เพราะฉะนั้นเราต้องยืนหยัดยืนยันในความเป็นกลางทางการเมือง โดยเรื่องนี้ได้รายงานไปทางกองทัพบกเรียบร้อยแล้ว”

แม้ มทภ.4 จะให้คำยืนยันแล้ว ไม่มีทหารเข้าไปแทรกแซง

แต่คนในประชาธิปัตย์ก็ยังไม่วางใจ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผอ.เลือกตั้งซ่อมเขต 1 จ.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงตามบี้ขอให้ ผบ.ทบ.ตรวจสอบย้อนหลัง เพราะอาจไม่ใช่ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 แต่เป็นการเคลื่อนทหารนอกพื้นที่เข้ามาก็ได้

พอมีข่าวออกไป ถึงมีการย้ายคนกลุ่มนี้ออกนอกพื้นที่

เป็นบทเรียนที่ประชาธิปัตย์เคยโดนมาแล้ว ในศึกเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราชแทน นายเทพไท เสนพงศ์

...

คราวนั้นประชาธิปัตย์ก็เคยออกมาโวยแล้ว ว่ามีการนำกองกำลังลับเข้ามากดดัน ช่วยเหลือผู้สมัครของพรรคแกนนำอำนาจรัฐ

แต่เรื่องก็เงียบหายไป มาคราวนี้ก็ยังคงใช้ไม้เดิม แต่งวดนี้ประชาธิปัตย์ไม่ยอมให้ไล่ต้อนจนกระดานอีก

เลยมีการเก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้ เพื่องัดเอามาใช้ในยามจำเป็น

นี่ขนาดเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองยังเล่นกันขนาดนี้

ไม่ต้องพูดถึงศึกเลือกตั้งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า และยิ่งเป็นไฟต์บังคับ แพ้ไม่ได้ เพื่อจะต่อท่ออำนาจไปอีกสมัย

ยิ่งต้องงัดทุกกลเม็ดเด็ดพราย มาชิงความได้เปรียบ

พูดก็พูด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ขนาดนายราเมศที่ถือเป็นหนึ่งในทีมกฎหมายประชาธิปัตย์ ยืนยันว่ามีข้อมูลหลักฐานชัดเจน

แต่ทำไมองค์กรที่รับผิดชอบโดยตรงอย่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงได้เงียบฉี่

ทำตัวเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญชัดเจน

เมื่อมีฝ่ายผู้กล่าวหา คือ พรรคประชาธิปัตย์ และมีฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา คือ กองทัพ

กกต.ก็ควรต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะได้รู้ว่าสุดท้ายแล้ว ใครโกหก ใครพูดเท็จ

เพราะแค่คำพูดของ แม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงเท่านี้คงยังไม่พอ

อย่าทำนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน

ไม่เช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องมี กกต.ไว้ให้เปลืองภาษี.

เพลิงสุริยะ