กรรมการสอบสวนของ ทบ. เตรียมสรุปข้อเท็จจริงทหารจุ้นเลือกตั้ง เผยพบข้อมูล “เสธ.ต” คนดัง เป็นถึงผู้บังคับหน่วยทหารม้า อยู่ใน ทภ.2 และยังเป็นนายทหารคนสนิทอดีต มทภ.2 ที่ตอนนี้มาช่วยงานอยู่ในรัฐบาล ให้ต้นสังกัดสอบหาข้อเท็จจริงแล้ว ปชป.เชื่อคนชุมพรจะคืนความเป็นธรรมให้ “ลูกหมี” กกต.เคาะเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ 30 ม.ค. “กรณ์” แฉซื้อเสียงกันหนักหัวละ 2-3 พันบาท เพื่อไทยโวจัดหนักซักฟอกรัฐบาลทิ้งทวน “เรืองไกร” ชง ป.ป.ช.สอบปลัดพลังงานซุกนาฬิกา
ตามที่ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงปฏิเสธไม่มีกำลังพลในกองทัพภาคที่ 4 เข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ล่าสุดมีรายงานจากกองทัพบกว่า คณะกรรมการ สอบสวนข้อเท็จจริงฯ ตรวจพบว่า “เสธ.ต” นายทหารที่ถูกพาดพิง เป็นลูกน้องเก่าอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ขณะนี้มาช่วยงานอยู่ในรัฐบาล
ปชป.ชูคืนเป็นธรรม “ลูกหมี”
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ในฐานะ ผอ.เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 จ.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การหาเสียงครั้งนี้มีเวลาค่อนข้างสั้น ดีที่นายชุมพล จุลใส หรือลูกหมี อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ ไม่ประมาทเตรียมการไว้ค่อนข้างดี ว่าที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เพราะออกไปช่วยชาติบ้านเมือง จนประชาชนในพื้นที่ต่างเข้าใจดี และพร้อมสนับสนุนนายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ของพรรค เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นายชุมพลด้วย ส่วนการหาเสียงในพื้นที่จะเน้น 2 แผน คือ 1.ลงเคาะประตูทุกบ้าน 2.จัดเวทีปราศรัย ครั้งนี้เรามั่นใจมาก เพราะไม่ได้เลือกเพื่อไปตั้งรัฐบาล จึงไม่มีปัจจัยเรื่องตัวนายกฯเข้ามาเกี่ยวข้อง เชื่อว่าคนชุมพรจะคืนความเป็นธรรมให้นายชุมพล ถ้าไม่มีการสกัดจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
...
เผย “เสธ.ต” ลูกน้องอดีต มทภ.2
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพบกว่า คณะกรรมการ สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่ามีกำลังพลส่วนหนึ่งเข้าไปในพื้นที่ จ.ชุมพร หวังใช้อิทธิพลกดดันในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 เตรียมสรุปข้อเท็จจริงในสัปดาห์นี้ พบข้อมูลว่านายทหารถูกพาดพิง “เสธ.ต” คนดังกล่าว เป็นถึงระดับผู้บังคับหน่วยทหารม้าในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดได้รับความไว้วางใจจากอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนหนึ่ง ที่ปัจจุบันมาช่วยงานรัฐบาล และพรรคการเมือง โดยกองทัพบกกำลังให้ทางต้นสังกัดสอบสวนหาข้อเท็จจริง ว่าเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาพาดพิงหรือไม่
กกต.เคาะซ่อมหลักสี่ 30 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมพิจารณาเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครเลือกตั้ง หลังมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขต 9 แทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยที่ประชุม กกต.ได้ออกประกาศ กกต. เรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยกำหนดวัน และเวลาในการออกเสียงลงคะแนน เลือกตั้งคือ วันที่ 30 ม.ค. เวลา 08.00-17.00 น. ส่วนวันรับสมัครรับเลือกตั้ง คือ วันที่ 6-10 ม.ค. เวลา 08.30-16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) สถานที่ รับสมัครคือสำนักงานเขตหลักสี่
“กรณ์” แฉซื้อเสียงหัวละ 2-3 พัน
วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร พร้อมทีมงานลงพื้นที่พบปะประชาชนและรับฟังปัญหาที่ตลาดอมรพันธ์ บางเขน มีพ่อค้าแม่ค้าร่วมให้กำลังใจ และสะท้อนปัญหาสินค้าราคาแพง โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ราคาพุ่งสูง นายกรณ์กล่าวว่า เศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องท้าทาย ขอเสนอไปยังกระทรวงพาณิชย์ อย่าให้ใครอ้างกลไกตลาดปรับขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบคนในสังคม ทั้งนี้ พรรคกล้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขตคือ กทม. ชุมพร และสงขลา ยอมรับว่าต่างจังหวัดมีอิทธิพลเรื่องเงินมหาศาล โดยไม่มีใครสามารถเอาผิดกับใครได้ ขอฝากถึงผู้มีอำนาจให้ใส่ใจในเรื่องนี้ สมัยก่อน 50-100 บาท เดี๋ยวนี้ 2,000-3,000 บาท ขอให้สื่อลงไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จะทราบข้อเท็จจริงว่ามีการใช้เงินมากขึ้น และโจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
“ชาญเทพ” นั่งเลขาฯไทยภักดี
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565 ไปเมื่อวันที่ 2 ม.ค. มีมติเลือก พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีต ผบช.น. และหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของการบินไทย มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ถือเป็นการเปิดตัวเลขาธิการพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร คือนายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ โดยมีนายทินกร ปลอดภัย เป็น ผอ.เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.
“ชวน” เปิดไทม์ไลน์ถก ก.ม.ลูก
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา กล่าวถึงร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ฉบับพรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 และเนื่องจากเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ต้องส่งไปให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาให้คำรับรอง จึงจะบรรจุในระเบียบวาระได้ ส่วนอีก 3 ฉบับ ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล พรรคร่วมรัฐบาล และของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เสนอเข้ามาภายหลัง จะดำเนินการเช่นเดียวกัน ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในชั้นกรรมการกฤษฎีกา โดยหลักการหากกฎหมายลูกฉบับใดผ่านกระบวนการสอบถามความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากมีฉบับอื่นที่เป็นเรื่องเดียวกัน ประเด็นเดียวกัน สามารถบรรจุเป็นวาระการพิจารณาได้ โดยไม่ต้องไปทำซ้ำอีก ดังนั้นหากร่างฯฉบับพรรคเพื่อไทย ผ่านการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อย และนายกฯให้คำรับรองมา จะบรรจุเข้าวาระได้ทันที คาดว่าจะพิจารณาได้ในเดือน ม.ค.นี้ ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวด้วยการเงิน เมื่อผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนแล้ว บรรจุเข้าสู่วาระได้เลย
“พิชัย” ชี้พิษ ศก.ทำ รบ.อยู่ยาก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2565 จะหนักหนาสาหัสแบบสุดๆ ถึงขนาด “ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” คาดว่างบประมาณจะมีปัญหา รายได้ลด หนี้เพิ่ม ว่างงานพุ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่ยาก และยังมีปัญหาความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐเอง ปัญหาข้อจำกัด 8 ปีวาระดำรงตำแหน่งนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเผชิญ มี 8 ปัญหาหลัก คือ 1.ปัญหาการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน 2.ปัญหาเงินเฟ้อโลก ส่งผลกระทบมาถึงไทย 3.ปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 4.ปัญหาการขาดดุลแฝด (Twin Deficits) คือ การขาดดุลงบประมาณ และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เป็นปัญหาสืบเนื่องจากปีที่แล้ว 5.ปัญหาการจัดทำงบประมาณ 6.ปัญหาหนี้ที่เพิ่มสูง ทั้งหนี้ภาครัฐ และหนี้ภาคเอกชน 7.ปัญหาการไร้ทิศทางเศรษฐกิจของไทย และ 8.ปัญหาการว่างงานที่จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้ง 8 ปัญหานี้ใหญ่มาก ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์อยู่นานประชาชนจะยิ่งลำบากมากขึ้น
โวจัดหนักซักฟอกทิ้งทวน
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการเมืองปีนี้คงร้อนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักคือปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล ที่พรรคพลังประชารัฐยังคุมเสียง ส.ส.ไม่ได้ ที่ผ่านมาพรรคฝ่ายค้านต้องบังคับทางอ้อมให้ฝ่ายรัฐบาลมาเป็นองค์ประชุม เพื่อให้สภาเดินหน้า เป็นธรรมดาเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มไม่เกรงใจกัน ต่างฝ่ายต่างหาโอกาสฉกฉวยคะแนน พล.อ.ประยุทธ์คงต้องรับทั้งศึกในและศึกนอก ส่วนการนับอายุของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน เพราะพรรคเพื่อไทยยืนยันจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ถือเป็นความเสี่ยงของรัฐบาลเช่นกัน สมัยประชุมหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เตรียมจัดเต็มทั้งข้อมูล ข้อเท็จจริง หลักฐานการทุจริตที่มีจำนวนมาก ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยตอบคำถามของฝ่ายค้านได้
สภาฯเลื่อนพิธีผู้นำฝ่ายค้าน
นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวว่า หลังประธานสภาฯมีคำสั่งงดประชุมสัปดาห์นี้ ได้แจ้งไปยัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอเลื่อนพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านออกไปก่อน คาดว่าจะจัดพิธีได้ช่วงที่การประชุมสภาฯกลับมาจัดประชุมอีกครั้ง ขณะที่สำนักงานยังเตรียมมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 อย่างเข้มข้น มั่นใจว่าเมื่อเปิดประชุมสภาฯสัปดาห์หน้าจะระงับการแพร่เชื้อโควิดในพื้นที่ได้
“เจ๊หน่อย” ดันบำนาญประชาชน
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาทต่อเดือน” จะช่วยตอบโจทย์ผู้สูงอายุให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ แทนที่เบี้ยผู้สูงอายุที่ได้เพียงน้อยนิด ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ นโยบายบำนาญประชาชนเป็นการตอบแทนผู้สูงอายุที่ทำงานมาตลอดชีวิตให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระลูกหลานในการเลี้ยงดูพ่อแม่ ทำให้เกิดกำลังซื้อกระตุ้นการบริโภคให้กลับมา โดยผู้สูงอายุที่ได้รับบำนาญประชาชนต้องเข้าโปรแกรมการสร้างสุขภาพโครงการนี้ไม่ใช่โครงการประชานิยม หรือประชารัฐ ที่คิดแค่แจกเงินให้ประชาชนเท่านั้น แต่เป็นโครงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้สูงวัยมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ มีสุขภาพที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้
สอบปลัดพลังงานซุกนาฬิกา
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เตรียมส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ว่ามีการยื่นรายการบัญชีทรัพย์สินถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ จากการตรวจสอบการยื่นบัญชี ณ วันที่ 1 ต.ค.2564 ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แจ้งข้อมูลรายได้ต่อปีว่า 1.รายได้ประจำ (1) เงินเดือน จำนวน 134,524.50 บาท เป็นตัวเลขควรสงสัย อาจต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่น่าเชื่อว่าปลัดกระทรวงพลังงานจะมีเงินเดือนต่อปีเพียง 134,524.50 บาท มีผลทำให้รายได้รวมที่แจ้งไว้ 10,032,819.48 บาท อาจต่ำตามไปด้วย ขณะเดียวกัน นายกุลิศยังแจ้งทรัพย์สินอื่นของตัวเองและคู่สมรสว่า ไม่มีรายการ และมูลค่าที่แจ้งแต่อย่างใด แต่จากการตรวจสอบข้อมูลใน google พบภาพข่าวของนายกุลิศสวมนาฬิกาหลายเรือน ใส่แหวนทองที่นิ้ว ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่านายกุลิศแจ้งรายการทรัพย์สินอื่นของตัวเองและคู่สมรสครบถ้วนหรือไม่ รวมทั้งแจ้งเงินเดือนต่อปีถูกต้องหรือไม่