รองนายกฯ “วิษณุ” เผย อายุ 8 ปีนายกฯ เป็นแค่ความเห็นของเจ้าหน้าที่สภา โยนศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด แต่ศาลมีสิทธิ์ไม่รับ เพราะเรื่องยังไม่เกิด

วันที่ 30 ธ.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมาย สภาฯ มีความเห็นการเริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ให้นับในวันโปรดเกล้าฯ วันที่ 9 มิ.ย. 2562 ทำให้สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนถึงปี พ.ศ.2570 เพราะใช้กฎหมายย้อนหลังในทางเป็นโทษไม่ได้ ว่า ตนไม่มีอะไรจะพูด เรื่องนี้มาจากสภาฯ ต้องไปถามสภาฯ เพราะเราไม่ได้ส่งไปให้สภาฯ พิจารณา ถ้าจะส่งต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า เหตุผลที่สภาฯ ออกความเห็นเช่นนี้ เป็นแนวคิดเดียวกับนายวิษณุใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ไม่ตอบ เป็นเรื่องของสภาฯ ซึ่งสภาฯ ในที่นี้ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภา แต่มาจากฝ่ายกฎหมาย อย่าไปโทษสภาฯ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ ส.ส.500 คน หรือ ส.ว. เขามีสิทธิที่จะทำการบ้านเสนอผู้บังคับบัญชา เขาเห็นแบบนั้นจะถูกหรือจะผิดก็ช่าง ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”

เมื่อถามว่า หากมีประเด็นออกมาเช่นนี้แล้วจะต้องหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรต้องทำ เรื่องนี้มีการตั้งข้อสงสัยมานานแล้ว หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องก็มีสิทธิที่จะศึกษาและหาคำตอบเพื่อแจ้งหน่วยงานของตัวเอง ดังนั้นสภาฯ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกนายกฯ จึงมีสิทธิออกความเห็น ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็จะทำในส่วนของตัวเอง รัฐบาลก็ทำในส่วนของรัฐบาล พรรคการเมืองก็ทำในส่วนของตัวเองเตรียมไว้ แต่หากจะให้เกิดการยอมรับ หรือเชื่อถือในสาธารณชน จะต้องมาจากการวินิจฉัยของผู้มีอำนาจองค์กรเดียว คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ในส่วนของรัฐบาลต้องพึ่งพาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีน้ำหนักระดับหนึ่ง แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยจะส่งไปในจังหวะที่เหมาะสม แต่หากจะให้คนยอมรับและยุติ ก็ต้องฟังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นคำตอบสุดท้าย และจะต้องมาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม หากถามไปตอนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ตอบ เมื่อถามว่า จะส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีในช่วงเดือน ส.ค. 2565 ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ต้องให้เวลาที่จะวินิจฉัยออกมาแล้วสามารถใช้การได้ หากส่งไปในช่วงใกล้เดือน ส.ค. 2565 ก็จะสงสัยกันอีก ทั้งนี้มันมีจังหวะเวลาที่เหมาะสมอยู่ เมื่อถามว่า หากจะต้องปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะใช้เวลารอคำตอบนานเท่าใด นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่นาน”

...

เมื่อถามว่า ผู้ที่สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความได้ มีเฉพาะแค่ ส.ส.ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใครก็ได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็มีสิทธิไม่รับ เพราะเรื่องยังไม่เกิด และปัญหาคือศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำถามที่สมมติ เพราะยังไม่เกิด แต่ถ้าเรื่องเกิดขึ้นแล้วก็จะสายเกินแก้ ฉะนั้นต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม ส่วนจะมีเงื่อนไขอะไรที่จะให้ศาลเห็นว่าเป็นประเด็น เอาไว้ค่อยคุยกันอีกที เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านมองว่าสภาฯ ไม่น่าจะมาออกตัวให้ความเห็นเรื่องนี้ก่อน รองนายกฯ กล่าวว่า ฝ่ายค้านก็ตีความของตัวเองอยู่เหมือนกันมิใช่หรือ เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่า นายกฯ ไม่ได้เป็น ส.ส. เหตุใดฝ่ายกฎหมายสภาฯ จะต้องมาออกความเห็น นายวิษณุ กล่าวว่า นายกฯ มาจาก ส.ส.เลือกเข้ามา และจะต้องเลือกในครั้งต่อไป จึงต้องเตรียมคิดเอาไว้ในส่วนนี้ ถึงบอกว่าโจทย์เรื่องนี้ถ้าคุยกันในสังคม เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับใครคนนั้นก็อยากรู้ สื่อเองก็อยากรู้ อาจจะหานักวิชาการมาแนะนำก็ได้ แต่ทุกอย่างไม่ใช่ทางการ ทั้งนี้สภาฯ ก็เตรียมในส่วนของตัวเองไว้ กกต.ก็จะทำในส่วนของตัวเอง รัฐบาลก็ทำในส่วนของรัฐบาล พรรคการเมืองก็ทำในส่วนของตัวเองเตรียมไว้ แต่ในที่สุดคำตอบที่แท้จริงต้องมาจากศาลรัฐธรรมนูญ.