พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ป.ป.ช.เปลี่ยนข้อหาวินัยร้ายแรง พ่วงความผิดอาญาเล่นงาน ผบ.ตร.คดีสลายม็อบพันธมิตรฯ 7 ต.ค.ข้องใจออกคำสั่งเคลื่อนกำลังพลสลายม็อบพันธมิตรฯ ขณะที่ “จักรทิพย์ – วิบูลย์” โดนหางเลขเป็นผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม…
วันนี้(28 ก.ค.)นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนคดีที่เจ้าหน้าที่ใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุมได้รับฟังการสรุปผลการไต่สวนคดีดังกล่าวจากคณะทำงาน ซึ่งที่ประชุมมติให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่อีก 2 คน ในข้อหาผิดวินัยร้ายแรง และความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นอกจากนี้ยังมีมติแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมข้อหาผิดวินัยร้ายแรง และผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แก่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก 1 คน เนื่องจากพบว่า จากการสอบปากคำพยานและเอกสารบางอย่างพาดพิงไปถึงบุคคลดังกล่าว โดยจะทำหนังสือด่วนแจ้งทั้ง 3 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหา ภายในวันที่ 3 ส.ค.นี้ คาดว่าสามารถชี้มูลความผิดได้ภายในกลางเดือนส.ค. ยืนยันว่า มติป.ป.ช.ในครั้งนี้ทำไปตามพยานหลักฐานที่ได้รับเพิ่มเติม ไม่มีใบสั่งทางการเมือง หรือการตั้งธงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งใครเด็ดขาด
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีการเพิ่มข้อหาวินัยร้ายแรง และความผิดทางอาญาแก่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ เนื่องจากมีพยานหลักฐานพยานบุคคล และพยานเอกสาร ให้การยืนยันถึงบุคคลดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่ควรแจ้งข้อกล่าวหาอย่างร้ายแรง ส่วนการวินิจฉัยนั้นจะอยู่ในอีกขั้นตอนหนึ่ง หลังจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาต้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เท่าที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้หารือกัน ก็เห็นว่าสำนวนคดีนี้เหลือข้อมูลที่ต้องเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเท่านั้น จึงคิดว่า ไม่น่าจะใช้เวลาสรุปสำนวนนาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่า คดีนี้อาจจะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ป.ป.ช.ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนไปตามข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานการทำผิดที่ชัดเจนก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ดังนั้นการทำงานของ ป.ป.ช.จึงไม่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายใดๆ และไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้เพิ่มข้อกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรงและมีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ส่วนตำรวจอีกสองนายที่ถูกแจ้งข้อหาผิดวินัยร้ายแรงและความผิดอาญาเพิ่มเติม ได้แก่พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบช.น. และพล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น. ทั้งนี้ก่อนหน้านี้คณะทำงานคดีดังกล่าวที่มีนายวิชาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน คดีนี้ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นแก่พล.ต.อ.พัชรวาทว่า มีความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ระมัดระวัง รักษาผลประโยชน์ของทางราชาการ ประมาทเลินล่อในหน้าที่ราชการเท่านั้น แต่ต่อมาเมื่อมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมพบว่า มีการพาดพิงไปถึงพล.ต.อ.พัชรวาท โดยเฉพาะคณะทำงานป.ป.ช.ไปพบคำสั่งเรื่องอำนาจการสั่งเคลื่อนกำลังพลในการ ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า จะต้องเป็นอำนาจการสั่งการของผบ.ตร.เพียงคนเดียวเท่านั้นในการสั่งการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถเคลื่อนกำลังพลได้ ดังนั้นจึงอาจเกี่ยวข้องกับคำสั่งการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม นอกจากนี้ผบ.ตร.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นได้ จึงมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่พล.ต.อ.พัชรวาท
ส่วนตำรวจพล.ต.ต.จักร ทิพย์ ชัยจินดา รองผบช.น.ที่ถูกแจ้งข้อหาเพิ่ม เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุพล.ต.ต.จักรทิพย์เป็น ผบก.บก.ตปพ. หรือผู้การฯ 191 มีอำนาจในการควบคุมเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วย 191 โดยตรง ซึ่งในวันเกิดเหตุสลายการชุมนุม ก็พบว่า ตำรวจ 191 มีส่วนในการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม จึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ ที่ได้รับคำสั่งจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ให้เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบใน การควบคุมฝูงชน หรือการเดินขบวนต่างๆ จึงต้องมีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน.
...