มีข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการว่าปี 2555 ที่จะมาถึงนี้จะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นพูดภาษาอังกฤษหรือ English Speaking Year 2012 เพื่อส่งเสริม ให้โรงเรียนต่างๆทั่วประเทศหันมาใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกันมากขึ้น
อันจะส่งผลให้เด็กไทยเราพูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้นและคล่องขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีแก่ประเทศไทยของเราเป็นส่วนรวม
เหตุเพราะอีก 3 ปีข้างหน้าประเทศจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเต็มตัว หากคนไทยเรารู้ภาษาอังกฤษน้อย หรือใช้ภาษาอังกฤษไม่เป็น จะเสียเปรียบ หรือเสียโอกาสในหลายๆอย่าง
ท่านรัฐมนตรี วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล จึงได้ริเริ่มโครงการที่ว่านี้ขึ้น โดยจะให้โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการกว่า 30,000 โรง ใช้ภาษา อังกฤษในการสื่อสารกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มทักษะการพูด การเขียน และการใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นที่แตกฉานต่อไป
มีการแถลงข่าวอย่างครึกโครมว่าจะเริ่มโครงการอย่างจริงจังตั้งแต่ 26 ธันวาคมนี้
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการส่งเสริมหรือพัฒนา หรือทำอะไรก็ได้ให้คนไทยเราเก่งภาษาอังกฤษขึ้น
ไม่ใช่เพราะว่าเราจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างที่ว่านี้เท่านั้น แต่เป็นเพราะเราจะเข้าสู่ประชาคมโลกมากขึ้นต่างหาก
การจะต้องติดต่อสื่อสารกับประชากรโลกในวงกว้าง จำเป็นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทั้งการพูด การอ่าน และการเขียน
ผมจึงเห็นด้วยกับโครงการนี้และขอชื่นชมที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการริเริ่มโครงการนี้ขึ้น หลังจากที่มีข่าวว่าท่านมักจะทำในเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไรนักนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ผมก็อยากจะให้กำลังใจแก่คุณครูทุกคนและข้าราชการทุกๆคนของกระทรวงศึกษาธิการไปจนถึงนักเรียนทั่วประเทศเป็นการล่วงหน้า
ในกรณีที่ว่า เมื่อดำเนินการไปแล้วอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จ
ขอให้เข้าใจไว้ตั้งแต่บัดนี้ว่า การเรียนภาษาอื่นๆที่มิใช่ภาษาประจำชาติของเรานั้นจะยากเย็นแสนเข็ญอย่างยิ่ง
ถ้าไม่มีใครมาบังคับขับไสเราก็มักไม่อยากจะเรียน เหมือนอย่างสมัยหนึ่งเราเคยพูดกันว่า เรียนไปทำไมภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ของเรา
คนไทยเราในอดีตจึงไม่สนใจที่จะเรียนหรือฝึกฝน
ชาติอื่นๆในอาเซียนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย หรือฟิลิปปินส์ จึงล้วนแต่เป็นชาติที่ถูกบังคับขับไสทั้งสิ้นจากประเทศแม่ที่มาปกครองเขาในอดีต
แต่กระนั้นเราก็จะเห็นว่า แต่ละชาติเหล่านี้ยังคงพูดภาษาอังกฤษที่ติดสำเนียง หรือสำนวนของท้องถิ่นอยู่ดี
แม้สิงคโปร์ที่ว่าใช้ภาษาอังกฤษได้ยอดเยี่ยม ก็ยังติดคำว่า “หลา”...พูดอะไรไปคำ 2 คำก็มักจะมีคำว่า “หลา” หรือ “ล้า!” ออกมาในประโยค
จนมีคำล้อเลียนว่า เป็นภาษาอังกฤษแบบ “ซิงลิช” หรือภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์
สำหรับชาติอาเซียนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในปกครองของอังกฤษ ก็ไม่เห็นใครพูดหรือใช้ภาษาอังกฤษได้ดีนัก
เวียดนามก็หนักไปทางฝรั่งเศส หรืออินโดนีเซียก็อาจจะหนักไปทางฮอลแลนด์มากกว่า...สำเนียงภาษาอังกฤษ และการใช้ภาษาอังกฤษของทั้ง 2 ประเทศนี้ไม่ได้ดีไปกว่าคนไทยเลย
ผมถึงได้บอกว่า อย่าไปเกรงกลัวชาติอาเซียนอื่นๆ...ขอให้คิดเสียว่า เรากำลังจะปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเด็กไทยเราในครั้งนี้ เพื่อการปรับตัวเข้าสู่สังคมโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลจะเหมาะสมกว่า
สรุปว่า ผมเห็นด้วยครับท่านรัฐมนตรีสำหรับโครงการนี้ และขอให้ทำอย่างจริงจัง และขอให้คนอื่น เช่น สถาบันภาษาหรือโรงเรียนนานาชาติ เข้าไปช่วยเยอะๆ อย่างที่แถลงไว้นั่นแหละถูกต้องแล้ว อย่าไปพึ่งพาบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการมากนัก เดี๋ยวจะผิดหวัง
จำได้ไหมครับมีอยู่ยุคหนึ่ง คุณครูภาษาอังกฤษของกระทรวงศึกษาธิการท่านออกเสียงตัว H เป็น “เฮ็ด” (ฮ.นกฮูก) กันไปหมด ทั้งๆที่ต้องออกเสียงว่า “เอ็ช” (อ.อ่าง) ส่งผลให้เด็กไทยยังติดคำว่า “เฮ็ด” จนถึงเดี๋ยวนี้
ขนาดคุณ แสงชัย สุนทรวัฒน์ เพื่อนผมมาช่วยเขียนรณรงค์แกมตัดพ้อต่อว่าในไทยรัฐอยู่หลายปีก็ยังแก้ไม่หายเลย
นะครับ วันที่ 26 ธันวาคมที่จะเป็นวันเริ่มต้นของโครงการนี้ ผมขอให้เริ่มด้วยการปฏิญาณตนของคุณครูทุกท่านว่า จะออกเสียง H ให้ถูกต้องว่า “เอ็ช” (อ.อ่าง) ทั้งประเทศ
และจากนี้ไป คุณครูท่านไหนออกเสียงอักษรฝรั่งตัวนี้ว่า “เฮ็ด” อีกให้ตัดเงินเดือนลดขั้นทันที! (ยกเว้นคุณครูภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เอ่ยคำว่า “เฮ็ดหยัง” ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นได้)
...
“ซูม”