รมว.ดีอีเอส ชี้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยอนาคตรุ่ง เติบโตต่อเนื่องฝ่าพิษโควิด คาดทะยานแตะ 30% ของจีดีพีประเทศได้ภายในปี 2573

วันที่ 17 พ.ย. 2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในงาน Powering Digital Thailand 2022 ว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาประเทศไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2561-2565) โดยตลอดระยะเวลาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและ Data Economy ของประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในด้านสำคัญๆ ได้แก่

1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากรายงานการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยสถาบัน IMD พบว่า ในด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นจาก อันดับ 29 สู่อันดับที่ 22 โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตใช้สาย และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคม

“ผมขอยกตัวอย่างถึงเครือข่าย 5G และผู้ใช้งาน 5G ของประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของอาเซียน และอันดับต้น ๆ ของโลก ผมขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ 5G เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับชาติของประเทศไทย และได้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนนโยบายในด้านต่าง ๆ ทั้งนโยบายคลื่นความถี่ และการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม” นายชัยวุฒิกล่าว

2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ในปี 2561 เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยคิดเป็นร้อยละ 17 ของจีดีพีประเทศ จากนั้นขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วงปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจดิจิทัลมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 10 ต่อปี ซึ่งถือเป็น 2.5 เท่าของอัตราการเติบโตของจีดีพีในประเทศ แม้เผชิญสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้จีดีพีโดยรวมของประเทศลดลง แต่เศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรมดิจิทัลของประเทศไทยยังคงมีความเคลื่อนไหว และเติบโตในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง

...

“กระทรวงฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยจะเติบโต และมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 20 ของจีดีพีประเทศได้ และเชื่อว่าภายในปี 2573 หรือเร็วกว่านั้น เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยจะพุ่งไปถึงร้อยละ 30 ของจีดีพี” นายชัยวุฒิกล่าว

3.การสร้างสังคมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้มีการขับเคลื่อนการส่งเสริมการจัดตั้งเครือข่ายและสัญญาณไร้สาย ให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง โดยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล จะช่วยรับประกันและสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับการศึกษาทางไกลในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งยังช่วยให้กลุ่ม SMEs และเกษตรกร สามารถพัฒนาระบบการจัดการลูกค้าผ่านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มคลาวด์

อีกทั้งยังช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขสำหรับในพื้นที่ชนบท โดยการใช้ระบบการปรึกษาทางไกล จะช่วยให้คลินิกในพื้นที่สามารถเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลกลาง เพื่อพัฒนาการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดความเสี่ยงการสัมผัสไวรัส

นายชัยวุฒิ กล่าวให้ความมั่นใจว่า หน่วยงานซึ่งกำกับดูแล จะยังคงส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการสนับสนุนการเพิ่มเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ผ่านทางการบังคับใช้นโยบายและเงินอุดหนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป