จีนเขาคุยว่า ค้นคิดประดิษฐ์สิ่งแรกๆในโลกไว้ถึงร้อยอย่าง อย่างหนึ่งที่ผมจำได้ เพราะตอนเป็นนายท้ายเรืออวนเคยใช้ คือเข็มทิศ อีกสิ่งที่จีนพยายามคุย ก็คือเป็นต้นคิดต่อเรือสำเภา

ตำนานการต่อเรือสำเภาของจีน แม้ระบุตัวตน คนหลายคน แต่ก็ออกไปทางเป็นนิทาน

ในสมัยไคเภก นางเจ็งอ๋วย พระราชธิดา ได้ยินข่าวมีเซียนผู้วิเศษ มียาอมตะกินแล้วไม่แก่ไม่ตาย อาศัยอยู่บนเกาะกลางทะเลลึก จึงกราบทูลพระเจ้าฮอกฮี พระราชบิดาให้สั่งช่างต่อเรือสำเภา เพื่อใช้ในการเดินทางไปหาเซียน

นายช่างเฮงตง ต่อเรือได้ ปล่อยเรือลงลอยน้ำได้แล้ว แต่เจอปัญหาใหญ่ บังคับเรือให้แล่นตรง หรือเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาตามใจไม่ได้

นั่งคิดนอนคิดหลายวัน ก็ยังคิดไม่ออก จึงออกจากบ้านเดินเข้าป่า เจอพรานป่า ชื่อเหม็งฉอง ก็เอาปัญหาเรื่องเรือถาม พรานป่าฟังแล้ว ก็ชี้มือขึ้นฟ้าให้นายเฮงตงดูนกบิน

นายช่างต่อเรือก็ยังคิดไม่ออก

พรานป่ารำคาญ ปลดคันธนูจากบ่า ดึงลูกธนูจากแล่งสะพายหลัง ยิงธนูขวับไปถูกนกตัวหนึ่งตกลงมา

พรานป่าชี้ให้ดูที่ลูกธนู มีหางข้างท้าย เป็นตัวบังคับให้ลูกธนู แล่นได้ตรง เหมือนนกที่มีหาง ช่วยให้บิดตัวเลี้ยวไปทางไหนก็ได้

นายเฮงตงเข้าใจแจ่มแจ้ง กลับไปทำหางเสือคัดท้ายเรือสำเภา เรียบร้อย

ตั้งแต่นั้นมา จีนก็ต่อเรือสำเภาใช้ ทั้งการบรรทุกผู้คน บรรทุกสิ่งของ และต่อมาก็ก้าวหน้า เป็นบรรทุกสินค้าส่งไปค้าขายกับหลายๆประเทศ

รัชกาลพระเจ้าหยงเล่อ ราชวงศ์เหม็ง ขันทีเจิ้งเหอ โด่งดังไปทั้งโลก คุมกองเรือมหาสมบัติ รอนแรมกลางทะเลรุกไปไกลค่อนโลกถึงแอฟริกา (มีฝรั่งบางคนคุยว่าไปถึงอเมริกาก่อนโคลัมบัส แต่เป็นแค่เรื่องโม้)

ตามบันทึก “สมุทรยาตรา” เจ็ดครั้ง สามครั้งเจิ้งเหอแวะมาไทย ครั้งหนึ่งเล่ากันว่า มีส่วนในการแต่งตั้งพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่กรุงศรีอยุธยา คือ เจ้านครอินทร์ จากสุพรรณบุรี

...

ผมเพิ่งฟังคุณสุจิตต์ วงศ์เทศ บรรยายเรื่องนี้ทางยูทูบ ได้ความรู้ แปลกใหม่ ตื่นใจมาก เจ้านครอินทร์ หรือพระเจ้านครรินทราธิราช คุณสุจิตต์ ยกย่องเป็นมหาจักรพรรดิของไทย ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้จากการค้าสำเภากับจีน

ที่เราเคยรู้กันว่า พ่อขุนรามคำแหงจากสุโขทัย เคยไปเมืองจีน เอาวิชาทำสังคโลกกลับมา เรื่องจริง เป็นเจ้านครอินทร์ จากเมืองสุพรรณ ที่พระราชบิดาส่งไปอยู่เมืองจีนถึงหนึ่งปี พระองค์นี้เอง

เรือสำเภาจีน เนื้อตัวหน้าตาเป็นไง ไปหาดูได้ที่ย่านยานนาวา รัชกาลที่ 3 ทรงเห็นเรือกำปั่นของฝรั่งใช้เครื่องยนต์แล่นได้เร็วกว่า ก็ทรงรู้ว่า ต่อไปคนไทยคงไม่เห็นเรือสำเภาอีก

วัดที่ทรงสร้างสำเภาจีน ก่ออิฐถือปูน เดิมชื่อ วัดคอกกระบือ ทรงเปลี่ยนชื่อ เป็นวัดยานนาวา

ในเรือสำเภาทุกลำ ผู้คนในเรือต่างก็แบ่งหน้าที่กันทำ ใครค้าขาย ใครคุมการเดินเรือ แน่นอนมีหางเสือ บังคับให้เดินไปตามทิศทางที่ตั้งใจ

ผมพอจำได้ สมัยหนึ่ง ไม่นานมานี้ พวกหนังสือพิมพ์นี่แหละ เปรียบเปรยการบริหารของรัฐบาล ใช้คำว่า “รัฐนาวา” เดี๋ยวนี้แทบจะลืมกันไป วันนี้ผมอยากใช้ แต่ขอใช้คำแบบพันทางว่า “รัฐสำเภา”

ระบบใน “รัฐสำเภา” ที่ผมตั้งตาดู ตอนนี้ ดูจะหันรีหันขวาง ยังไงๆพิกล

เพราะ “จุ้นจู๊” ผู้รับผิดชอบเรื่องสินค้า กับไต้ก๋ง ผู้รับผิดชอบการเดินเรือ เผลอแย่งงานกันทำ วันดีคืนดี ฮอจ่าง “ต้นหน” ก็แย่งหน้าที่ไต้ก๋ง ดูจะโกลาหลวุ่นวายกันไปทั้งลำ

ในหัวเลี้ยวหัวต่อการชิงอำนาจของหลายๆฝ่าย เหมือนมีมรสุมใหญ่ มีผลทำให้การคัดท้ายด้วยหางเสือ ก็ทำได้ไม่เต็มที่ ไม่อยากแช่งเลย ผมว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ไม่ช้ารัฐสำเภาลำนี้ก็จม.

กิเลน ประลองเชิง