“สำหรับพวกเราแล้วการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติสำคัญไม่แพ้กันเลย” นับเป็นคีย์เวิร์ดของ “แม่ทัพเอก” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ถูกเปรียบเป็น“ฝาแฝดอินจัน” พรรคก้าวไกล มี “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค ต้องการสื่อถึงความมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการบริหารการเมืองท้องถิ่นคู่ขนานและเชื่อมกับการเมืองระดับชาติ
โดยระหว่างนี้ตะลอนทัวร์ช่วยผู้สมัครนายก อบต.และผู้สมัคร อบต.210 ทีมในนามคณะก้าวหน้า เพิ่งลงพื้นที่ภาคอีสาน 2 สัปดาห์เต็ม ก่อนยกทัพไปช่วยทีมก้าวหน้าที่พื้นที่จังหวัดพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ เป็นลำดับ
เป้าหมายต้องการชนะในพื้นที่ที่หลากหลาย อาทิ พื้นที่เมือง พื้นที่อุตสาหกรรม เกษตรกรรม เพื่อโจทย์ที่หลากหลายและท้าทายยิ่งขึ้นในการแก้โจทย์ สะสางปัญหาให้สะเด็ดน้ำ ชาวบ้านในพื้นที่นั้นๆจะได้ประโยชน์สูงสุด
เป็นตามวัตถุประสงค์ คือ 1.ทำให้ประเทศนี้มันดีกว่านี้ได้ ทำให้ประชาชนมีความหวัง
...
“เลือกตั้งปี 62 พรรคอนาคตใหม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนระดับที่น่าพอใจ แต่เป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้บริหาร ไม่ได้แสดงฝีมือ เลือกตั้ง อบจ.ปี 63 ไม่ได้นายก อบจ. ได้เฉพาะสมาชิก อบจ. 20 จังหวัด
พอถึงจังหวะที่ประชาชนไว้วางใจให้ทำงานฝ่ายบริหารครั้งแรกในระดับเทศบาล เราได้นายกเทศมนตรีนามคณะก้าวหน้า 16 ทีม นับตั้งแต่ทำงานการเมืองมา 3 ปี เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้แถลงผลงาน 6 เดือน ซึ่งน่าพอใจในหลายเรื่อง ทำให้ประชาชนมีความหวัง เห็นสังคมดีขึ้นกว่านี้ได้ ประเทศไทยดีกว่านี้ได้”
วัตถุประสงค์ข้อ 2 การกระจายอำนาจผ่านการทำงานการเมืองในท้องถิ่น เอาอำนาจและงบประมาณกลับคืนให้ท้องถิ่น และข้อ 3 ต้องการลบคำปรามาสว่าเราบริหารไม่เป็น
“ผมทำธุรกิจไม่แพ้ใคร นำบริษัทไปสร้างฐานการผลิต 7 ประเทศทั่วโลก บริหารทั้งคนญี่ปุ่น - ฝรั่ง เรื่องการบริหารเชื่อมั่นถ้าได้โอกาสก็ทำได้ดีไม่แพ้ใคร ดังนั้นการทำงานการเมืองในระดับท้องถิ่น ขอลบคำสบประมาทให้ได้”
อาทิ “โมเดลอาจสามารถ” พื้นที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ได้พลิกฟื้นจากดำเป็นขาวภายใน 99 วันนับจากเทศบาลคณะก้าวหน้าเข้ามาบริหารจัดการ
“น้ำประปาดื่มได้” ภายใต้มาตรฐานทุกขั้นตอนในการผลิต ประชาชนดื่มได้อย่างอุ่นใจ เพราะเปิดดูรายงานคุณภาพน้ำได้ตลอดเวลา และอีกไม่กี่วันกรมอนามัยกำลังออกใบรับรอง
นับจากนี้อีก 8 เดือน เราจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเซ็นเซอร์ IoT ตรวจวัดคุณภาพน้ำอัตโนมัติ ติดสมาร์ทมิเตอร์ทุกหลังคาเรือน ติดมาตรวัดความดันอัจฉริยะตามแนวท่อน้ำ เพื่อยกระดับบริการน้ำประปา อำนวยความสะดวกในการชำระค่าน้ำของประชาชนและดูความดันของน้ำในท่อ ความดันตกแสดงว่าท่อรั่ว
รวมถึงการเปิด “ฟองดูว์” แอปพลิเคชันรับเรื่องร้องเรียนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเทศบาลแก้ปัญหาได้ทันท่วงที เทศบาลก้าวหน้า 16 แห่งติดตั้งระบบนี้ทั้งหมด ซึ่งช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ทันท่วงที ค่าเฉลี่ย 9 กว่าชั่วโมงตั้งแต่ร้องเรียนจนแก้ปัญหาจบ
ขณะเดียวกันยังปรับโฉมเว็บไซต์เทศบาลอาจสามารถ จากที่ดูหน้าตาเจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รกรุงรัง ให้เป็นเว็บไซต์เรียบง่าย ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวข้องกับประชาชน ค้นหาข้อมูลสะดวก ดูการใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ของเทศบาลได้ในแต่ละปี ซึ่งจะปรับใช้กับเทศบาลอื่นๆต่อไป
ต่อไประบบอี-เซอร์วิสและระบบอี-กอฟเวอร์เมนต์ของเทศบาลอาจสามารถที่เหลืออีก 30% เสร็จภายในสิ้นปี 64 ก็สามารถเสียภาษีต่างๆ จ่ายค่าน้ำ กรอกแบบฟอร์มต่างๆ ผ่านออนไลน์ทั้งหมด
นายธนาธร ยังบอกด้วยความภาคภูมิใจถึงความสำเร็จของแต่ละเทศบาลคณะก้าวหน้าทั้ง 16 แห่ง อาทิ การเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ จ.ลำพูน ยกระดับสวนสาธารณะให้มีชีวิตชีวา เปลี่ยนขยะเป็นกองทุนฌาปนกิจ จ.อุดรธานี
รวมถึงการยกระดับโรงเรียนเทศบาลด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ ให้มีหลักสูตรเทคโนโลยี เป็นทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เปิดเทอมเดือน พ.ค.65 ระดับ ป.4-ป.6 ได้เรียนแน่ อาทิ หลักสูตรเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ โค้ดดิ้ง
ถึงบอกตลอดว่าประเทศไทยดีกว่านี้ได้ ผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ
ขอให้เวลาหมุนอีกรอบได้มีนายก อบจ.ทีมก้าวหน้า มีนายกเทศมนตรี นายก อบต. เราก็ได้คลังความรู้ สภาพบริบทคล้ายกัน การจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกที่สุด ก็ให้นายกท้องถิ่นแต่ละที่ได้คุยกัน
เพื่อต่อยอดซึ่งกัน และกัน ผลักดันการพัฒนาให้รวดเร็วขึ้น
และเมื่อเลือกตั้งท้องถิ่นอีก 2 รอบ ท้องถิ่นจะเปลี่ยนเป็นมาตรฐานท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า เป็นมาตรฐานให้คนอื่นเดินตาม ท้องถิ่นแข่งขันกันทำงาน ประชาชนก็เห็นการเปลี่ยนแปลง กลับมาสนใจการเมืองท้องถิ่น เมื่อประชาธิปไตยท้องถิ่นเข้มแข็ง ประชาธิปไตยระดับชาติก็เข้มแข็ง
ทีมก้าวหน้าก็เป็นศูนย์กลาง สามารถปรับให้เข้ากับการเมืองระดับชาติได้ หากพบปัญหาท้องถิ่นแต่ละพื้นที่รูปแบบเดียวกัน ต้องให้ระดับชาติจัดการ นับเป็นความสวยงามของคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกลที่เดินแบบนี้
นายธนาธร ยังขยับมุมมองส่วนตัวถึงเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่างพรรคก้าวไกลว่า พร้อมเลือกตั้งทุกเมื่อ ไม่ว่าจะมีในปี 65หรือปี 66 กติกาใหม่บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนเราหวั่นไหว
เชื่อมั่นประชาชนเห็นความตั้งใจทำงานของก้าวไกล
“ดูจากผลนิด้าโพลตลอดปีพบว่าก้าวไกลและคุณพิธาได้รับเสียงตอบรับไปในทิศทางที่ดีขึ้นตลอด เพิ่มขึ้นไตรมาสละ 1% ขอย้ำว่าเป็นนิด้าโพล ไม่ใช่โพลของเรา
ก้าวไกลคงต้องใช้เวลา สำหรับผมต้องปี 70 ไม่ใช่ปี 66 เพราะเลือกตั้งปี 70 ตั้งเป้าเป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศ”
การปรับทัพใหญ่ของพรรคเพื่อไทย นายธนาธร มองว่า ทุกพรรคเป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว ซึ่งต้องเอาชนะใจประชาชน ผ่านนโยบาย ผ่านการทุ่มเททำงานอย่างหนัก ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นคนจริงใจ ไม่ใช่กะล่อนไปมา
ฉะนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากที่พรรคเพื่อไทยปรับตัว ในแง่การอัดฉีดการแข่งขันเข้าสู่ในระบบ
ทุกพรรคการเมืองและพรรคก้าวไกลก็ต้องหันกลับมาพินิจพิเคราะห์ ทบทวนตัวเองทั้งบทบาท นโยบาย เหมือนการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ หลายพรรคต้องกลับมาพินิจตัวเอง เพราะมันเกิดการอัดฉีดการแข่งขันเข้าระบบ
ยิ่งมีการแข่งขันกันมากประชาชนยิ่งได้ประโยชน์
ขอให้แข่งกันอย่างแฟร์ ไม่ใช่อำนาจรัฐ และเงิน
ภายใต้โจทย์ประเทศไทย เดิมเลือกตั้งปี 62 มี 1.ความเหลื่อมล้ำ 2.ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก และ 3.ประชาธิปไตย จะเอาอย่างไรกับอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร ปฏิรูปกองทัพ องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรมอย่างไร
เกือบ 4 ปีผ่านไป 3 โจทย์ใหญ่ยังเหมือนเดิม และยังหนักกว่าเดิมด้วย แต่มีความท้าทายใหม่เข้ามาอีก 3 โจทย์ใหญ่ ขอตั้งโจทย์ไว้ก่อนและวิธีแก้ไขค่อยมาว่ากัน
คือ 1.ลองโควิด ซึ่งยังอยู่กับเรานานแน่ 2.หนี้สาธารณะขยับเป็นเพดาน 70 ของจีดีพี ปัญหาวินัยการคลัง ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นในรอบ 4 ปีนี้ จะจัดการอย่างไร ความจริงต้องอัดฉีดเพิ่มเข้าไปอีก เพื่อหยุดลงลึกไปกว่านี้ และ 3.การปฏิรูปสถาบัน ซึ่งปี 62 มีร่องรอยพูดถึงบ้าง พอถึงปี 66 ชัดเจนมาก
นโยบายของทุกพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องแก้ไข 6 โจทย์นี้
เท่าที่ดูนโยบายของพรรคก้าวไกล นโยบายในส่วนประชาธิปไตย ไม่ต้องไปเพิ่มหรือลดอะไร ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทั้งการปฏิรูปกองทัพ การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60
นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ต้องยกเลิกสิทธิพิเศษบีโอไอ ยกเลิกกฎระเบียบปกป้องทุนผูกขาดทั้งหมด ต้องเปลี่ยนบทบาทกลุ่มทุนใหญ่ โดยรัฐสนับสนุนให้มีนวัตกรรมเข้มแข็งขึ้นไปซัดกับโลก ถึงลดความเหลื่อมล้ำได้
ทุนใหญ่ต้องเป็นเรือธงบริษัทไทยเอาส่วนแบ่งตลาดโลกมา
รวมถึงสวัสดิการทางสังคมต้องทำให้ดีกว่านี้ ซึ่งสามารถทำได้ทันที เช่น สวัสดิการเด็ก 1-6 ปีถ้วนหน้า นี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนทัศน์ความเหลื่อมล้ำ กระบวนทัศน์ประเทศไทยจะก้าวต่อไปอย่างไร
เหลือทางเดียวคือทุบระบบราชการไทย
ปลดปล่อยศักยภาพของต่างจังหวัดออกมา.
ทีมการเมือง