"ยุทธศักดิ์" ควง "ประยุทธ์" ทานมื้อเที่ยง "เฉลิม-ผบ.ตร." ถกสัญญาลูกผู้ชาย คุยความร่วมมือทหาร-ตำรวจ เผย "ผบ.ทบ." ห่วงจาบจ้วง ฝากเร่งจัดการเว็บโพสต์หมิ่นสถาบันให้ "เหลิม" รับความรู้สึกทหาร ไปเคลียร์แกนแดง รับซาบซึ้ง-น้ำตาคลอดำรัส "ในหลวง" เผย "ยิ่งลักษณ์" เยี่ยม ทบ. 14 ธ.ค.นี้...

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ร่วมรับประทานอาหารกลางวันว่า ไม่ได้เป็นความลับอะไร ซึ่งเมื่อกลางวัน ตนเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม มารับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารของตน เพื่อพูดคุยในหลายเรื่อง ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้พา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา รอง ผบ.ตร. มาด้วย ส่วนตนได้เชิญ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ มาพูดคุยกัน เพราะคิดว่าถ้ามีเวลาว่างแล้วมาพูดคุยกันในหลายๆ เรื่อง คงจะเกิดประโยชน์ เพื่อจะได้มีการบูรณาการในการทำงานร่วมกัน และเพื่อพูดคุยแลกเปลื่ยนความคิดเห็นระหว่างตำรวจและทหาร เรื่องการทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้เกิดความรักใคร่กลมเกลียวกัน โดย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เป็นเพื่อนสนิทกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่ยังเป็นนายตำรวจ-ทหารชั้นผู้น้อย ซึ่งการมารับประทานอาหารพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยในโต๊ะอาหารวันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่อง 91 ศพคนเสื้อแดงแต่อย่างใด

...


พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เราได้หารือเรื่องโครงการปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ลุ่มแม่น้ำโขง การลาดตระเวนร่วม ความร่วมมือในการลาดตระเวนพื้นที่ต่างๆ การรักษาอธิปไตยว่า ทางทหารกังวลเรื่องใดบ้าง และยังได้พูดคุยเรื่องในอดีตในโอกาสเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในอดีต ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้ห่วงเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจและทหาร แต่ท่านอยากให้เข้าใจในเรื่องความร่วมมือมากยิ่งขึ้น ทุกฝ่ายแสดงความเป็นห่วงเรื่องการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้บอกกับรองนายกฯ ว่า ในเรื่องของยาเสพติด นอกจากจะสนใจในพื้นที่ภาคเหนือ ควรพุ่งความสนใจไปที่ภาคใต้ด้วย เพราะยาเสพติดระบาดมาก โดยเฉพาะเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะมีเวลาว่างก็จะมีปัญหาเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม และ ผบ.ตร. บอกว่าจะรับไปดูแล นอกจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้เชิญตนร่วมเดินทางไปภาคเหนือ วันที่ 13-14 ธ.ค. แต่ตนไม่ว่าง เพราะติดภารกิจ ส่วนวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตรวจเยี่ยม ทบ. โดยตนจะส่ง พล.อ.วิทวัส รชตนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผช.ผบ.ทบ. เดินทางร่วมคณะ ร.ต.อ.เฉลิม แทน

“ผบ.ทบ.ยังได้พูดถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า เห็นพระองค์ท่านรับสั่ง ผมก็มีความซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านอายุป่านนี้แล้วทรงงานหนัก และยังเป็นห่วงประชาชนชาวไทย หากประชาชนได้รับกระแสพระราชดำรัสอย่างนั้นแล้ว น่าจะใส่เกล้าใส่กระหม่อมเข้าไปทำงานตามพระราชดำรัสของท่าน ซึ่งท่านอายุมากแล้ว และยังทรงพระประชวร เมื่อท่านดำรัสด้วยความเป็นห่วงต่อประเทศชาติอย่างนี้ ทุกคนก็เป็นห่วงและน้ำตาคลอ และทุกคนก็อยากทำงานอย่างเต็มที่ ผมได้บอกให้ท่านรองนายกฯ บนโต๊ะอาหารว่า ผมได้พูดคุยกับ ผบ.ทบ. ว่า อะไรก็ตามที่เป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทย อะไรที่เป็นหน้าที่ของทหาร บางครั้งเราไม่ต้องรอให้รัฐบาลสั่ง เราก็ทำไปเลย ใครว่าอะไรก็ช่างเขา แต่เราคิดว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ก็ทำไปเลย เราทำเพื่อประชาชน ทำตามพระกระแสรับสั่งของพระเจ้าอยู่หัว และก็พยายามตั้งหน้าตั้งตากันต่อไป รวมถึงเหล่าทัพอื่นๆ นี่คือสิ่งที่เราบอกกับรองนายกฯ ไม่ต้องรอให้รัฐบาลสั่ง คล้ายกับเราได้รับน้ำทิพย์สั่งการมาแล้ว การที่มารวมกันและกินข้าวกัน เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกัน หลังจากที่ได้รับฟังกระแสพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว นี่คือสิ่งที่ทุกคนมาด้วยความจริงใจ” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า อีกเรื่องที่พูดกันมากคือ อยากให้รองนายกฯ ดูแลเรื่องเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ผบ.ทบ.บอกว่าท่านห่วงและกังวลใจมากเรื่องนี้ เพราะทหารมีหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และท่านไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจก็มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการพูดถึงกรณีที่ทีมงานเฟซบุ๊กนายกฯ ขึ้นภาพผิด ซึ่งเรื่องนั้นอาจจะเป็นเรื่องของความผิดพลาด สิ่งที่เราพูดคือ สิ่งที่เราตั้งใจทำ ผบ.ทบ.รู้ว่าใครทำ ซึ่งต้องให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนจำเป็นต้องออกกฎหมายพิเศษหรือไม่นั้น เราคิดว่าไม่จำเป็น แต่เราต้องเอาใจใส่กันให้มาก ทั้งตำรวจ ทหาร และส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำเสื้อแดง ที่จะออกมาเคลื่อนไหว อย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ฟังเรื่องนี้อยู่ เราคุยกันเรื่องการแก้ปัญหาความแตกแยก และรักษาความปรองดอง อะไรที่พอจะพูดกันได้ และมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกันเหมือนในวันนี้ เราก็จะบอกกัน อะไรที่อีกฝ่ายหนึ่งทำและทำให้เกิดความไม่สบายใจขึ้นก็จะบอกกัน ขอให้ท่านรองนายกฯ เป็นตัวกลางในการรับทราบความรู้สึกพวกเราด้วย

เมื่อถามว่าจะไม่เข้าทำนอง ปากว่าตาขยิบ ใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มี เราพูดกันอย่างลูกผู้ชาย เป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่พอใจกัน และเราไม่มีความจริงใจกัน ก็ไม่มากินข้าวพูดคุยกัน เมื่อถามว่า แกนนำ เช่น นายจตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำคนเสื้อแดงจะยอมรับฟังหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนให้รองนายกฯ รับทราบต่อไป ต่อไปเราจะไม่พูดถึงตัวบุคคล ส่วนหมู่บ้านคนเสื้อแดงเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ และ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องมวลชนคนเสื้อแดงมาตั้งแต่ต้น ศักยภาพในการสื่อไปยังคนเสื้อแดงจะมีหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรก็จะรับฝากความรู้สึกจากเราไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับทราบความรู้สึกของทหาร เช่น ผบ.ทบ.ท่านไม่แฮปปี้ต่อเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก ที่ออกมาไม่สุภาพ และไม่ดีต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก ท่านก็กังวลและฝากท่านรองนายกฯ ไป ในฐานะที่ดูแลตำรวจ

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการสังหารลูกเรือจีน 13 ศพ ว่า ทางกองทัพบกให้ความร่วมมือเต็มที่ หากผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของตำรวจ จะพิจารณาว่าลึกซึ้งแค่ไหน ขณะนี้ทางทูตจีนก็มีความพอใจที่ทหารมีความเคลื่อนไหวอย่างทันท่วงที ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ตำรวจก็ดำเนินการได้ถูกต้อง สำหรับการลาดตระเวนในบริเวณลุ่มน้ำโขงกับคดี 13 ศพ ต้องแยกกัน เพราะเป็นคนละเรื่อง สำหรับการลาดตระเวนก็ให้ดำเนินการต่อไป ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่า ทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังสืบสวนอยู่ในทางคดี ก็แล้วแต่ว่าทางตำรวจจะส่งให้อัยการ และอัยการจะฟ้องศาลต่อไปหรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการไปตามระเบียบกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งรองนายกฯ ได้บอกว่าได้พูดกับทางจีนว่าจะดำเนินการต่อคดีนี้ตามกฎหมายไทย.