ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เมื่อ นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ข่าวผ่านโฆษกรัฐบาลว่า ตัวท่านเฝ้าติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด หลังมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันติดๆกัน รวมถึง 6 ครั้ง ในรอบเดือน ก.ย.
เฉลี่ยแล้วดีเซลขึ้นไป 2.50 บาท/ลิตร ส่วนเบนซินขึ้นไป 1.90 บาท/ลิตร
และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามปัจจัยความต้องการใช้พลังงานทั่วโลก หลังเศรษฐกิจเริ่มจะฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด
ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ขณะที่กลุ่มโอเปกลดปริมาณการผลิตลง
มันจึงเป็นแรงบวกหลายๆอย่างประจวบกัน
ทำให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ที่นิ่งเงียบ ไม่หือไม่อือกับสภาวะราคาพลังงานขาขึ้นมาตลอด
ต้องรีบเทกแอ็กชันเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาแนวทางรับมือสถานการณ์น้ำมัน
ซึ่งทาง สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ว่าระดับราคาในไตรมาส 4 ของปี 2564 น่าจะอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
แนวทางรับมือของกระทรวงพลังงาน คือการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเข้ามารักษาเสถียรภาพ หากเกิดกรณีราคาน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (B10) สูงเกิน 30 บาท/ลิตร ที่ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 28.29 บาท/ลิตร
เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนผู้บริโภค และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันล่าสุด อยู่ที่ 20,498 ล้านบาท โดยในส่วนของน้ำมันอยู่ที่ 32,896 ล้านบาท ส่วน LPG ติดลบ 12,328 ล้านบาท
ตามบัญชาของ นายกฯประยุทธ์ ที่สั่งการให้กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด ให้คำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ
ทั้งรักษาระดับราคาน้ำมันที่คนไทยในฐานะผู้บริโภคได้ ประโยชน์สูงสุด
...
เอื้อต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและการผลิต
ขณะเดียวกันต้องให้เป็นภาระต่อภาครัฐน้อยที่สุดด้วย
เป็นโจทย์หินที่จะใช้วัดฝีมือการบริหารของนายสุพัฒนพงษ์
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมืออาชีพด้านพลังงาน ได้เป็นอย่างดี
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ปล่อยออกมา หวังกดดันให้มีการปรับ ครม.
ปล่อยชื่อ “ดร.ซุป” ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีต ผอ.องค์การการค้าโลก (WTO) จะมาเสียบเก้าอี้รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน แทนนายสุพัฒนพงษ์
จน นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บุตรชาย และคนใน ปชป. รีบออกมาปฏิเสธ
รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รีบกลบกระแสว่าไม่มีการปรับ ครม.
งานนี้เป็นคนในหมู่รัฐบาลเองที่ปล่อยข่าว หวังขย่มเขย่าให้มีการปรับ ครม.
เพื่อผลักดันคนในกลุ่มก๊วน คุมอำนาจ-ผลประโยชน์ ตามโควตาของกลุ่ม
ส่องเข้าไปลึกๆยิ่งเห็นรอยปริร้าวมากขึ้นในพลังประชารัฐ.
“เพลิงสุริยะ”