เมื่อช่วงเที่ยงๆไปจนถึงบ่ายๆวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้งสำนักข่าวออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เผยแพร่ข่าวใหญ่ออกมาข่าวหนึ่งว่า “บิ๊กตู่” จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ อันเนื่องมาจากมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่างอยู่ 2 เก้าอี้ หลังจากปลด 2 รัฐมนตรีช่วยไปเมื่อเดือนที่แล้ว

ในการปรับครั้งนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในโควตาของ “บิ๊กตู่” เอง...และที่ฮือฮามากก็ตรงที่รายงานข่าวบอกว่าได้มีการทาบทาม ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การค้าโลก (WTO) มานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทนท่านเก่า สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

จริงๆแล้วมีรายงานด้วยว่า ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะเลื่อนฐานะให้รัฐมนตรีมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไปดำรงตำแหน่งรองนายกฯอีกตำแหน่งหนึ่ง พร้อมกับจะมีการแต่งตั้งอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการหมาดๆให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง

แต่ที่ทำให้ผมตื่นเต้นจนรู้สึกยินดี ภาวนาขอให้ข่าวนี้เป็นข่าวจริงอยู่ที่ประเด็นแรกคือการแต่งตั้ง ดร.ศุภชัยให้มาดำรงตำแหน่งรองนายก รัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสียมากกว่า

เพราะความเป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเราที่ซวดเซหนัก อันสืบเนื่องมาจากพิษโควิด-19...มากกว่าปัญหาการเมืองหรือปัญหาอื่นใดในช่วงปี 2 ปีข้างหน้านี้นั่นเอง

ถ้าไม่มีเหตุให้ยุบสภาไปเสียก่อน บิ๊กตู่ก็จะอยู่บริหารต่อไปครบ 4 ปีตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คือประมาณต้นๆเดือนมิถุนายน 2566 หรืออีก 1 ปี 8 เดือนเศษๆ และยังมีโอกาสจะกลับมาได้อีก

หรือแม้จะมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการนั่งเก้าอี้ 8 ปีของท่านน่าจะนับตั้งแต่ท่านรับตำแหน่งในยุค คสช. และสมมติว่าศาลรัฐธรรมนูญตีความไปตามข้อเสนอนี้ ซึ่งจะทำให้ท่านครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565

...

ท่านก็ยังมีเวลาบริหารราชการต่อไปได้อีกถึง 11 เดือน อันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ดังนั้นหากจะมีคนเก่ง คนดี มีความสามารถและมีความรอบรู้ในทางเศรษฐกิจอย่างดียิ่ง มาช่วย “บิ๊กตู่” อีกแรงหนึ่งก็จะเป็นผลดีแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยตรง

ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ นับเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเหมาะสมทุกประการ หรือกล่าวแบบภาษาชาวบ้านก็คือ “ตรงสเปก” ที่จะมาช่วยรัฐบาลในเรื่องสำคัญยิ่งเรื่องนี้

ผมก็เพียงแต่นึกเสียดายที่รายงานข่าวบอกว่าจะต้องปลดท่านรองฯ และท่านรัฐมนตรีพลังงานท่านเดิมออกไป เพื่อเปิดพื้นที่ให้ ดร.ศุภชัย เข้ามาแทนที่เท่านั้นเอง

ยังภาวนาขอให้บิ๊กตู่เก็บท่านสุพัฒนพงษ์ไว้ที่กระทรวงพลังงานนั่นแหละ เพราะตรงกับความรู้ ความสามารถดั้งเดิมของท่านมากที่สุด

แต่ก็ปรากฏว่า เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาคือ ประมาณสัก 2 ทุ่ม ของวันเดียวกันนั่นเอง สำนักข่าวออนไลน์หลายๆ สำนักก็รายงานเพิ่มเติมว่า บุตรชายของ ดร.ศุภชัย ซึ่งก็ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วยในปัจจุบัน ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้ออกมาปฏิเสธว่า ข่าวนี้ไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะยังไม่มีการทาบทามแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ทำให้ความฝันและความยินดีปรีดาของผมต้องยุติลงในฉับพลัน

แต่ก็เอาเถอะครับ...ไม่ว่าผู้ที่ปล่อยข่าวลือข่าวนี้จะปล่อยออกมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม...ผมถือโอกาสขอบคุณไว้ด้วยนะครับ

เพราะอย่างน้อยก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่มาก ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งที่กำลังเป็นอยู่ หรือที่จะมาเป็นในอนาคต เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่โน่นแล้ว...จะต้องให้ความสำคัญสูงสุดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

จะต้องมีนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน และมีบุคลากรทางเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียง ที่มีบารมีชนิดประชาชนได้ยินชื่อแล้วร้อง “ฮ้อ!” ไม่ใช่ร้อง “ยี้” มารับผิดชอบอย่างชัดเจน ดังเช่น “ดร.ซุป” เป็นต้น

อันที่จริงประชาธิปัตย์จะเก็บไว้เองก็ดีเหมือนกัน...เลือกตั้งคราวหน้าหยิบมาชูเลยว่าขอเสนอท่านเป็นนายกฯ เพื่อมากอบกู้เศรษฐกิจ

ผมว่าพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสที่จะได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ ถึงขั้นเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลได้เหมือนกันนา.

“ซูม”