“บิ๊กป้อม” หงุดหงิดสื่อจี้ถามชื่อแคนดิเดตนายกฯ “สิระ” ห้าวขู่ไล่ตะเพิด “สุชาติ” ถึงสงขลา ก้าวไกลเขี่ยแผล “พี่ใหญ่” มี ส.ส.ในมือกี่คน “จุรินทร์” ไม่สน พปชร.ตีปี๊บกวาด ส.ส. ปชป.ยังอารมณ์ค้างถูกรวบงานไป 4 กรม ฮึ่มต่อไปนี้ยากจะราบรื่น หึ่ง “บิ๊กตู่” จัดห้องรอรับ รมต.ใหม่ ป.ป.ช.ฟัน ป. อาญา 149 พ่วงจริยธรรม “อนุรักษ์” ส.ส.เพื่อไทย ปมไถเงินอธิบดีกรมน้ำบาดาล 5 ล้าน แต่ “นันทนา” ฝ่ายรัฐบาลรอด ส.ส.มุกดาหารโต้แหลก ป.ป.ช.ฟังความข้างเดียว ไม่เรียกสอบพยาน ยอมรับโทรศัพท์ตัวเองจริง แต่โบ้ยเป็น ส.ส.คนอื่นที่คุย

รอยร้าวภายในพรรคพลังประชารัฐแกนนำรัฐบาล ยิ่งถูกขยายปมหลัง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศจะไปร่วมจัดตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ของนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย

“บิ๊กป้อม” นิ่งไม่ตอบศึก พปชร.

เมื่อเวลา 10.55 น. วันที่ 1 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามถึงการเรียกประชุมหัวหน้าภาค 9 ภาคของพรรค รวมถึงไม่ตอบคำถามกรณีที่ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ เพื่อนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ระบุว่าจะยกทีม ส.ส.กลุ่มภาคใต้ ออกจากพรรคไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย ของนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงประเด็นว่าพรรค พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในนามพรรค พปชร.อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ก่อนเดินแหวกวงสัมภาษณ์สื่อมวลชนขึ้นรถออกไปอย่างรวดเร็ว

...

“สิระ” ตะเพิด “สุชาติ” พ้นพรรค

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอเตือนพรรคการเมืองที่จะรับ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล และ ส.ส.คนอื่นไปอยู่ด้วย ให้ดูพฤติกรรมให้ดี รับคนพวกนี้ไปแล้วจะไปจุดไฟเผาบ้านให้วอดวายเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้หรือไม่ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว พ.อ.สุชาติจะลาออกจากพรรคเร็วๆนี้หรือไม่ นายสิระตอบว่า เผาบ้านตัวเองจนวอดวาย ทั้งที่คนอื่นอยู่กันอย่างร่มเย็น ให้ความเชื่อมั่นการทำหน้าที่ของหัวหน้าพรรค แต่ พ.อ.สุชาติกลับทำแบบนี้ เพื่อประโยชน์ตัวเอง พฤติกรรมเช่นนี้ ยังอยู่ด้วยกันได้อีกหรือ ในฐานะผู้อยู่บ้านหลังนี้รับไม่ได้ ถ้า พ.อ.สุชาติไม่เซ็นลาออกจากสมาชิกพรรคในสัปดาห์หน้า ตนจะเอาหนังสือลาออกไปให้เซ็นถึงสงขลาเอง หน้าที่ผู้แทนคือดูแลประชาชน ไม่ใช่เข้ามาต่อรอง รวมกลุ่มก้อน เรียกร้องตำแหน่งให้ตัวเอง ถ้า ส.ส.ทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ ถ้าหัวหน้าพรรคเชื่อมั่นจะมอบตำแหน่งให้เอง ไม่ต้องออกมาทำร้ายพรรคที่อยู่เพราะประโยชน์ส่วนตัว

เขี่ยแผล “พี่ใหญ่” มี ส.ส.กี่คน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร. แสดงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส. 150-200 ที่นั่งว่า พล.อ.ประวิตรอย่าเพิ่งพูดถึงจำนวนที่นั่งในการเลือกตั้งคราวหน้าเลย เอาเป็นว่าตอนนี้ให้กลับไปนับดูดีกว่าว่าจำนวน ส.ส.ของฝั่ง พล.อ.ประวิตร เหลืออยู่เท่าไหร่ จำนวน ส.ส.ที่ย้ายไปอยู่ปีกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม มีเท่าไหร่กันแน่ พูดง่ายๆคือตอนนี้กลับไปทำให้พรรคเป็นเอกภาพก่อนดีหรือเปล่า

ปชป.ไม่สน พปชร. ตีปี๊บกวาด ส.ส.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐจัดทัพเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ตั้งเป้ากวาด ส.ส. 150-200 ที่นั่ง และชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกสมัยว่า เป็นสิทธิ์ที่แต่ละพรรคจะตั้งเป้า แต่พรรคเรามองว่ายังไม่จำเป็นต้องประกาศเป้าหมายตอนนี้

อารมณ์ค้างถูกรวบงาน 4 กรม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำสั่งนายกฯที่มอบงานให้ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ดูแลกรมพัฒนาที่ดินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นงานเดิมที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯเคยดูแล มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าคือคำสั่งรวบงาน แต่ ส.ส.พปชร.ยังให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง การรวบงานไป 4 กรมเพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร ให้ไปศึกษาหลักการบริหารราชการแผ่นดินให้ดีก่อน ความคิดของคนถ้าคิดดี ทำดีไม่เป็นปัญหาแน่ “ถ้านายจุรินทร์ (ลักษณวิศิษฏ์) จะขอดูกรมที่พลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรีว่าการบ้าง ส.ส.พลังประชารัฐจะคิดอย่างไร เราทำงานร่วมกันควรให้เกียรติกัน ทุกพรรคมีศักดิ์ศรี ถ้าคิดกันแบบนี้ ทำกันแบบนี้ จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ พรรคจะตอบประชาชนอย่างไร เรื่องนี้เชื่อว่าหากยังเป็นอยู่เช่นนี้ยากที่จะราบรื่น”

ขายฝันจัดหนักเบี้ยผู้สูงอายุ

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ประชาชนคนไทยทุกคนควรได้รับโอกาส และการดูแลจากรัฐอย่างทัดเทียม ทั่วถึง ตั้งแต่เกิดจนเข้าสู่วัยสูงอายุ” วันนี้องค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็น “วันผู้สูงอายุสากล” พรรคไทยสร้างไทยขอใช้วันนี้ประกาศความมุ่งมั่นของเราว่าจะเดินหน้าสร้างนโยบาย “บำนาญประชาชน” ที่ได้ประกาศเป็นนโยบายไว้ในวันเปิดพรรคไทยสร้างไทยให้สำเร็จ พร้อมกับนโยบายสนับสนุนการออมเงินของประชาชน ผ่าน “สลากการออมแห่งชาติ” หรือ “หวยบำเหน็จ” ที่เราได้ประกาศไปแล้วควบคู่กัน สำหรับแนวคิด “บำนาญประชาชน” คือการให้ผู้สูงอายุไทยในวัยเกษียณที่ไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ได้รับ “บำนาญประชาชน” จำนวน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน โดยใช้เกณฑ์จากเส้นความยากจนของไทย ที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประมาณ 2,763 บาท เชื่อมั่นว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการ “ลดความเหลื่อมล้ำ” ของสังคมไทย

ปลัด มท.ใหม่ยันจะเป็น ขรก.ที่ดี

ช่วงเช้าที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภริยา เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ ศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี และพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ร่วมต้อนรับ ทั้งนี้ ก่อนเดินทางเข้ากระทรวงนายสุทธิพงษ์ และภริยา ได้เข้าเฝ้าถวายสักการะเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้ารับตำแหน่ง นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ยืนยันว่าจะเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เป็นข้าราชการที่ดีเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน

“ปลัดชอบ” อุ้มพระนำรับตำแหน่ง

ที่กระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงฯ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงาน ก่อนอุ้มพระพุทธชินราชหน้าตัก 9 นิ้ว เข้าห้องทำงานบนชั้น 7 โดยมีผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการรอต้อนรับ นายบุญชอบกล่าวว่า ตนมาใหม่ที่นี่น่าจะเป็นกระทรวงที่ 8 แล้ว ผ่านอะไรมาหลายอย่างมีทั้งดีและไม่ดี ที่ดีคือเห็นความหลากหลาย ไม่ดีคือความผูกพันสัมพันธ์อาจไม่มากพอ เวลาที่เหลืออยู่พยายามทำตามอำนาจหน้าที่และส่งต่อไปยังทุกคนนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้ใช้ตนให้เป็นประโยชน์ ยินดีทำทุกอย่างหากถูกต้อง

หึ่ง “บิ๊กตู่” จัดห้องรับ รมต.ใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้สั่งการให้นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดเตรียมห้องบนตึกบัญชาการ 1 เป็นการด่วน โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่พากันขึ้นสำรวจห้องต่างๆ ทำให้ถูกจับตามองมีความเป็นไปได้หรือไม่จะมีการปรับ ครม. เร็วๆนี้ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันมาตลอดว่ายังไม่มีปรับ ครม.หลังปลด ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และนางนฤมล ภิโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ท่ามกลางกระแสข่าวนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ อาจได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี

น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผอ.สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ ชี้แจงว่า เนื่องจากมีผู้เกษียณอายุราชการ และเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ด้านสถานที่ต้องเข้าทำความสะอาดห้องของผู้ที่ออกไปและเข้ามาใหม่หมุนเวียนปกติ ไม่ได้รับแจ้งให้จัดเตรียมรองรับปรับ ครม.แต่อย่างใด

ฟัน ส.ส.พท.รีดเงิน 5 ล้าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงถึงการไต่สวนข้อกล่าวหาอนุ กมธ.พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณให้หน่วยงานว่า ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย และนางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ อนุกรรมาธิการบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 จากการไต่สวน นายศักดิ์ดาให้ข้อมูลว่า นายอนุรักษ์เรียกรับเงินทางโทรศัพท์ มีนางนันทนาเป็นผู้โทรศัพท์ประสานงาน จากการเช็กข้อมูลโทรศัพท์ ช่วงระยะเวลาที่มีการโทร. เจือสมพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่านายอนุรักษ์เรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดาจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ประกอบ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 123/5 และยังฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรม หลังจากนี้ในส่วนความผิดวินัย ป.ป.ช.จะยื่นคำร้องไปยังศาลฎีกา ส่วนคดีอาญาจะยื่นคำร้องไปยังอัยการสูงสุด ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ส่วนนางนันทนาไม่มีมูลเกี่ยวข้องการเรียกรับเงินดังกล่าว

ชี้มูล “เจ้าสัว” ฮุบป่าทำสนามกอล์ฟ

นายนิวัติไชยกล่าวอีกว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิดนายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง กรณีการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ 2 แปลง ได้แก่ 1.การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 45374 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ โดยใช้หลักฐานจาก น.ส.3 ก. เลขที่ 2563 โดยมิชอบ มี เจ้าหน้าที่รัฐ 6 ราย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น 1 ราย และนายประยุทธร่วมกันกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดตามกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2.การออกเอกสารสิทธิทำสนามกอล์ฟ จ.นครราชสีมา โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลทางการเมือง จากพยานหลักฐานพบว่ามีการรังวัดที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ จากสนามกอล์ฟทั้งหมดเนื้อที่ 2,304 ไร่ ของบริษัท ไทยน๊อคซ์สตีลฯ ที่มีนายประยุทธเป็นกรรมการ จากพฤติการณ์พบว่าบริษัทแห่งนี้กว้านซื้อที่ดิน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา 2,000 ไร่เศษ ทั้งโฉนดที่ดิน น.ส.3 ก. และซื้อที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ในเขต ส.ป.ก. เขตป่าไม้ถาวร และป่าสงวน เมื่อได้ที่ดินทั้งหมด ได้รังวัดสอบเขตเพื่อให้มีที่ดินเพิ่มขึ้น จนรูปแปลงที่ดินเปลี่ยนแปลงไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงเอกชน และนายประยุทธ

เชือดอดีตผู้ว่าฯภูเก็ตออก ส.ค.1 บิน

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ผลการไต่สวนข้าราชการระดับสูงร่วมกันออกเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนเขารวก-เขา เมือง จ.ภูเก็ต โดยมิชอบ ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผวจ.ภูเก็ต และนายวีรวัฒน์ จันทร์เพ็ญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผวจ.ภูเก็ต กับพวกรวม 11 ราย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 รวมถึงชี้มูลความผิดเอกชนที่เกี่ยวข้องกรณีการออกเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนเขารวก-เขาเมือง จ.ภูเก็ต โดยมิชอบ โดยผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์การนำเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ค.1 จากที่อื่นมาสวมสิทธิออกเอกสารอีกแปลง หรือเรียกว่า “ส.ค.1 บิน” เพื่อผลประโยชน์แก่บริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด และบริษัท ทรีดอลฟินซ์ รีสอร์ท จำกัด จำนวน 337 ไร่เศษ จึงมีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญา และส่งสำนวนให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการถอดถอนต่อไป

“อนุรักษ์” โวยฟังความข้างเดียว

ด้านนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลว่า เพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชน เป็นเรื่องที่เร็วมาก ได้ยื่นแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว มีพยานบุคคล แต่ ป.ป.ช.ไม่เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้อง เหมือนฟังความฝ่ายเดียวแล้วชี้มูล จะนำประเด็นนี้ไปขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ยืนยันไม่ได้เรียกรับเงินตามที่ ป.ป.ช.กล่าวหา แต่ยอมรับว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกใช้เป็นหลักฐานโทร.หาอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นเบอร์ของตนจริง แต่ไม่ใช่เสียงของตน เพราะมี ส.ส.คนหนึ่งนำโทรศัพท์ไปโทร.พูดคุยกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลต่อ ถ้ามีหลักฐานจริงควรเอาคลิปเสียงมาเปิดว่าเรียกรับเงินอย่างไร เพราะยังไม่เห็นคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้าง อยู่ๆก็มาชี้มูลความผิด ถือว่าไม่เป็นธรรม ส่วนประเด็นกล่าวหาเรียกรับเงินแลกกับการผ่านงบประมาณนั้น ขอถามกลับว่าตนมีอำนาจตัดงบประมาณได้อย่างไร การพิจารณางบประมาณเป็นอำนาจสภาผู้แทนราษฎร ต้องใช้มติในสภาฯ ไม่ใช่อำนาจอนุ กมธ. ถือว่าไม่มีเหตุผล