ทะลุฟ้าแกงหม้อใหญ่ไม่ไปชุมนุมที่แยกนางเลิ้ง แต่นัดไปประจันหน้าบิ๊กตู่ที่เมืองนนท์ มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม ตำรวจต้องบุกรวบ ไบรท์-ชินวัตร ออกจากท่าน้ำปากเกร็ด หลังขนมวลชนไปรอ ส่วนที่ท่าน้ำนนท์จุดขึ้นเรือขากลับเกิดชุลมุน กลุ่มผู้ชุมนุมโห่ฮาปาน้ำปลาร้าใส่รถตู้ตำรวจที่ไปรอรับ จนนายกฯต้องเปลี่ยนแผนไปขึ้นที่ท่าเรือรัฐสภาแห่งใหม่แทน เจ้าตัวพ้อไม่ได้ไปเยี่ยมคนนนท์บางจุดที่มีน้ำท่วม อัยการยื่นฟ้อง “มายด์-ภัสราวลี” ปราศรัยหมิ่นสถาบันฯ แยกปทุมวัน เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อหาและขอต่อสู้คดี ศาลให้ประกันตัว 2 แสนบาทแบบมีเงื่อนไข “บิ๊กต๊ะ” แถลงรวบหนุ่มชาวแฟลตวัย 28 ยิงเยาวชนเจ็บขณะชุมนุมใกล้ สน.ดินแดง พร้อมขอบคุณชาวแฟลตดินแดงที่ให้ความร่วมมือเป็นหูเป็นตาจนจับกุมวัยรุ่นป่วนสามเหลี่ยมดินแดงได้ 10 กว่าคน

จากเหตุการณ์ชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นร้อยครั้งโดยกล่าวหาว่าบริหารประเทศล้มเหลวมาตลอดระยะเวลา 7 ปี พร้อมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน และยกเลิก ม.112 ควบคู่ไปด้วย ส่งผลให้มีการจับกุมแกนนำส่วนใหญ่เป็นนิสิตนักศึกษาที่นัดหมายชุมนุมในช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ถูกดำเนินคดี บางส่วนถูกจับกุมและยังอยู่ในเรือนจำ เกิดการปะทะระหว่างมวลชนรายวัน

...

ในส่วนของแกนนำที่ถูกดำเนินคดีนั้น เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ย.ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล อายุ 26 ปี แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ร่วมกันชุมนุม หรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด อัยการบรรยายฟ้อง วันที่ 24 มี.ค.64 เวลากลางวัน จำเลยกับพวก และผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน จัดกิจกรรมชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จำเลยได้ปราศรัยดูหมิ่นใส่ร้ายสถาบันเบื้องสูงด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ ต่อมาวันที่ 8 เม.ย.64 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน แจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การปฏิเสธ ท้ายฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ระบุขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด และให้นับโทษต่อจากคดีของศาลแขวงดุสิต 2 คดี ศาลแขวงดอนเมือง 1 คดี และศาลอาญากรุงเทพใต้อีก 1 คดีด้วย ศาลพิจารณาคำฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง เบื้องต้นจำเลยแถลงให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยอีกครั้งและตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 29 พ.ย. เวลา 09.00 น.

ต่อมาญาติจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในชั้นพิจารณา ตีราคาประกัน 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามไปทำกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีก และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้จำเลยมาศาลตามนัดทุกครั้ง โดยถือปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

ไล่เลี่ยกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. โฆษก บช.น. เปิดเผยถึงการชุมนุมวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ของกลุ่มทะลุฟ้า เวลา 16.00 น. เริ่มรวมตัวกันที่แยกนางเลิ้ง มีการปิดการจราจรบนถนนนครสวรรค์ มีการปาถุงสี ยิงจรวดน้ำ ขึงป้ายผ้าหน้าแนวรั้ว ลวดหนามก่อนรื้อทำลาย ขว้างปาสิ่งของต่างๆ ยิงหนังสติ๊ก ประทัด พลุไฟ ระเบิดต่างๆใส่เจ้าหน้าที่ที่ประกาศเตือนให้ยุติการกระทำเนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมเชื่อฟัง เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง กระทั่งเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบประกาศยุติกิจกรรม

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า ในส่วนของกลุ่มทะลุแก๊ส เวลา 19.10 น. เริ่มรวมตัวที่สามเหลี่ยมดินแดงเวลา 20.00-22.30 น. มีการขว้างปาประทัด ยิงหนังสติ๊ก พลุไฟ ระเบิดต่างๆยั่วยุเจ้าหน้าที่บริเวณฝั่งถนนมิตรไมตรี และจุดไฟเผาทรัพย์สินบริเวณใต้ทางด่วนเป็นระยะๆ กระทั่งเวลา 23.30-00.30 น. เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้ต้องหา 22 คน ยึดระเบิดปิงปอง ระเบิดขวด ระเบิดแสวงเครื่อง และพลุไฟ 70 กว่าลูก ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการปฏิบัติงานที่มีการขึ้นไปยังแฟลตนั้น โฆษก บช.น.กล่าวว่า เป็นปฏิบัติการร่วมตำรวจและชาวแฟลตดินแดง เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้พื้นที่แฟลตก่อเหตุเผารถ จับกุมผู้ก่อเหตุที่หลบอยู่บริเวณทางเดินแฟลต 10 กว่าคน และของกลางที่นำมาเผารถตำรวจ ขอขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือ พบผู้ก่อเหตุแฝงตัวมาเป็นเดือน เป็นห้องร้างพยายามเข้าไปเช่า ชาวแฟลตจับตาดูอยู่ กระทั่งย้ายออก 2 ห้องเมื่อวานที่ผ่านมา ส่วนมีคนสนับสนุนเบื้องหลังหรือไม่ให้ประชาชนคิดเอาเอง เนื่องจากอายุน้อยและมีระเบิดพลุมาใช้ก่อเหตุ สำหรับ กรณีการเผารถคาดว่าอยู่ใน 22 คนที่จับกุมได้ ส่วนจะจบภายในสิ้นเดือนนี้หรือไม่นั้น จำนวนคนเหลือค่อนข้างน้อย ได้เปลี่ยนจุดไปบริเวณแยกนางเลิ้ง ตำรวจจะติดตามผู้กระทำความผิดทุกรายมาดำเนินคดี

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปิยะยังแถลงผลจับกุมนายชุติพงษ์ ทิศกระโทก อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย และใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมเป็นเยาวชนที่ต้นคอ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.64 หน้าปากซอยประชา สงเคราะห์ 14 ต่อเนื่องถึงหน้าโรงแรมปริ้นซ์ตัน จับกุมได้ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี กล่าวหาพยายามฆ่า, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ ยิงปืนในสถานที่ สาธารณะ สอบสวนผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่รับว่าเป็นบุคคลในภาพวงจรปิดจริง อ้างว่าไม่ได้เป็นคนยิง ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนในแฟลตดินแดงจริง ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความไม่พอใจผู้ชุมนุมแต่เป็นการยิงสุ่มเข้าไปในพื้นที่การชุมนุม หลังก่อเหตุแล้วหลบหนีไปกบดานอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวไปค้นอาวุธที่บ้าน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงบ้านผู้อื่นที่เกี่ยวข้องที่คาดว่าจะเป็นแหล่งที่ใช้ซุกซ่อนอาวุธปืนที่ก่อเหตุ เพื่อหาหลักฐานว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ก่อเหตุหรือไม่ จากแนวทางการสืบสวนคาดว่ากลุ่มที่อยู่ในการก่อเหตุครั้งนี้ 3-4 คน เจ้าหน้าที่จะนำตัวส่ง สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนสถานการณ์ม็อบรายวัน กลุ่มชุมนุมทะลุฟ้าได้โพสต์นัดหมาย “แกงหม้อใหญ่” ไม่ไปแยกนางเลิ้ง ทะลุฟ้าประจันหน้าประยุทธ์ ณ นนทบุรี เป็นพื้นที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม โดยเวลา 14.00 น. ที่ท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายชินวัตร หรือไบรท์ จันทร์กระจ่าง แกนนำราษฎรนนทบุรี ประกาศเชิญชวนประชาชนชาวนนทบุรีรวมตัวที่ท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด และที่ท่าน้ำนนทบุรี เพื่อชุมนุมต่อต้านการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนนำรถน้ำและรถดับเพลิงมาสแตนด์บายเตรียมพร้อม หลังมีมวลชนบางส่วนสวมเสื้อแดงและแมสก์สีแดงมารอ แต่ก่อนที่นายกฯจะมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจเข้าควบคุมตัว “ไบรท์ ราษฎร” และแกนนำออกจากพื้นที่ไปยัง สภ.ท่าน้ำนนท์

ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และชาวบ้านประมาณ 30 คน ที่มารอให้กำลังใจชูป้าย “เชียร์ลุงตู่” รอนายกรัฐมนตรีอยู่บริเวณท่าน้ำปากเกร็ด มีนายสุชาติ จั่นแก้ว อายุ 22 ปี นั่งจับกลุ่มกับเพื่อนอีก 3 คน อยู่บริเวณท่าน้ำ ลุกไปขอถ่ายเซลฟี่คู่กับนายสิระ ขณะถ่ายภาพนายสุชาติได้ยกมือชู 3 นิ้ว ทำให้นายสิระไม่พอใจขอให้ลบภาพทิ้ง เกิดเสียงเอะอะดังลั่น พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด เข้ามาเจรจากับนายสุชาติ แต่นายสุชาติยังเอะอะโวยวาย พ.ต.อ.พงศ์จักรนำกำลังช่วยกันหิ้วตัวนายสุชาติขึ้นรถไป สภ.ปากเกร็ดทันที
ส่วนที่ท่าน้ำนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี จุดที่ พล.อ.ประยุทธ์จะขึ้นจากเรือหลังตรวจเยี่ยม มีขบวนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 คัน ขับเข้ามาที่ท่าน้ำ มีกลุ่มผู้ชุมนุมส่งเสียงโห่ไล่ขณะขับออกจากท่าน้ำนนทบุรี จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามายืนขวาง บางคนใช้เท้าถีบที่กันชนหน้ารถ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังใช้น้ำปลาร้าขว้างปาใส่รถนำขบวนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายในเรือว่า ต้องขอโทษด้วยในจุดที่เราไม่ได้ไป ความจริงอยากไปเยี่ยมทุกที่ ไม่อยากให้เกิดปัญหา ขณะนี้ได้เตรียมแผนจะลงไปเยี่ยมพื้นที่หลายจังหวัด คงต้องลงไปเยี่ยมเยียนกันบ่อย เพราะตอนนี้การแพร่ระบาดของโควิดเบาลงไปบ้างแล้ว จากนั้นเวลา 16.05 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะขึ้นโป๊ะเทียบเรือรัฐสภาใหม่ ย่านเกียกกาย ที่ปกติจะไม่เปิดใช้ มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา รอรับ หลังถ่ายรูปกับนายพรเพชร และข้าราชการรัฐสภาแล้ว รีบกลับออกไปทันที ไม่ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม