นายกฯ หนุน "คุณหญิงกัลยา" เดินหน้าเร่งตรวจสอบหนังสือการ์ตูน มีเนื้อหาเข้าข่ายปลุกระดมเยาวชน พร้อมตั้งตัวแทน คณะทำงานเฉพาะกิจ มอบหนังสือต่อ 3 หน่วยงาน สอบด่วน กระทบมั่นคงชาติ
นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เเละนโยบาย (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามประเด็นดังกล่าว พร้อมนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) หนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจ ร่วมแถลงข่าวที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยกล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่า สังคมไทยมีความแตกต่างทางความคิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ผิดตามหลักสิทธิเสรีภาพ ภายใต้กรอบของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากแต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่บิดเบือนข้อมูล ปลุกปั่นหรือสร้างความเกลียดชังในสังคม
โดยเฉพาะการผลิตสื่อสำหรับเยาวชน ผ่านทางช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ขอให้กระทำการด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เด็กเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ หากไม่ได้รับการชี้แนะอย่างถูกต้องจากครู หรือผู้ปกครอง ซึ่งทุกคน ทุกหน่วยงานต้องมีหน้าที่ช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้ผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติสามารถผลิตสื่อโดยใช้ข้อมูลที่บิดเบือนสร้างความแตกแยกในสังคมได้
...
ด้านนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) หนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจเปิดเผยว่า คุณหญิงกัลยา ได้รับทราบข้อห่วงใยจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (28 กันยายน 2564) ต่อประเด็นดังกล่าว พร้อมได้มีการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามความเหมาะสม
“จากประเด็นดังกล่าวจะพบว่า มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ส่วนตัวคุณหญิงกัลยายืนยันว่า ท่านเปิดกว้างและพร้อมรับฟัง และการตรวจสอบถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้จัดทำข้อมูลนี้ ได้สามารถชี้แจงถึงความตั้งใจในการจัดทำ ซึ่งหากไม่มีเจตนาให้ร้าย บิดเบือน หรือสร้างความแตกแยก ก็เชื่อว่า สังคมยินดีรับฟัง และพร้อมให้ความเป็นธรรม แต่หากพบว่าผิดจริงถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่จะต้องดำเนินการต่อไปในการตรวจสอบข้อมูล” นางดรุณวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ดร.คุณหญิงกัลยา ได้มอบหมายให้คณะทำงานเฉพาะกิจเข้ายื่นหนังสือต่อ 3 หน่วยงาน ได้แก่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบก และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ดำเนินการตรวจสอบต่อประเด็นดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพราะถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ.